ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 40,524 จุด +312 จุด หรือ +0.78% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,405 จุด +42 จุด หรือ +0.79% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,831 จุด +107 จุด หรือ +0.64% ส่งผลดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดกันรวม +931, +137 และ +444 จุด ตามลำดับ
สาเหตุจากสำนักงานศุลกากร สหรัฐอเมริกา ตัดสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ออกจากอัตราภาษี 125% ของมาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs และเตรียมย้ายมาใช้มาตรการภาษีเซมิคอนดักเตอร์ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนรอการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2025 ของบริษัทในตลาดหุ้น ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์นี้เป็นต้นไป
ด้านธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ลดเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปี 2025 นี้ลงจากเดิมที่ 2.4% มาเหลือเพียง 1.7% นับเป็นมุมมองตัวเลขจีดีพีสหรัฐที่ลดต่ำลงจากภาพส่วนใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง
ผลสำรวจเกี่ยวกับมุมมองภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกา พบว่าตัวเลขดังกล่าวในช่วง 5 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.5% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีหรือนับตั้งแต่เมษายนปี 1995 เป็นต้นมา และในช่วง 1 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.3% ทำสถิติมุมมองเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2023 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน