บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ ซึ่งเป็นสำนักวิจัยด้านตลาดทุน และเศรษฐกิจชื่อดังระดับโลกของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดใหญ่อันดับ 2 มาเป็นเวลานานหลายปีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน กำลังจะสูญเสียอันดับ 2 ดังกล่าวให้กับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหุ้นไทยมีขนาดตลาดลดลงอย่างมากโดยมีส่วนต่างขนาดตลาดเหลือเพียง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 518,000 ล้านบาท จากในช่วง 1 ปีผ่านมาที่เคยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.625 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดหุ้นมาเลเซีย นั่นหมายถึงมีขนาดตกต่ำลงมากถึง 111,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.11 ล้านล้านบาท หรือหดหายถึงเกือบ 9 เท่าเพียงแค่ใน 1 ปีผ่านมา
นายอลัน ริชาร์ดสัน ผู้จัดการกองทุน ซัมซุง แอสเส็ท แมเนจเมนต์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังคงตกอยู่ในกับดัก จนกระทั่งสภาพเศรษฐกิจไทย และผลประกอบด้านรายได้ของบริษัทในตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวดีขึ้น
เมื่อดูในรายละเอียดของข้อมูลถึงวันพฤหัสบดี 25 กรกฎาคม 2024 พบว่า ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าตลาดราว 440,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 16.28 ล้านล้านบาท ขณะที่อันดับ 2 ตลาดหุ้นสิงคโปร์มีมูลค่าตลาดราว 426,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 15.76 ล้านล้านบาท และอันดับ 3 ตลาดหุ้นมาเลเซียมีมูลค่าตลาดราว 422,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 15.61 ล้านล้านบาท สำหรับอันดับ 1 ในอาเซียน ได้แก่ ตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีขนาดมูลค่า 749,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 27.71 ล้านล้านบาท
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสูญเสียมูลค่าตลาดลงอย่างต่อเนื่องมาจากหลากหลายปัญหาที่ผสมผสานกัน เริ่มจากปัญหาการเมืองที่ไม่มีเสถียรภาพในประเทศ กฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปมา การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดต่ำลงกระทบต่อรายได้ท่องเที่ยวต่างชาติที่ต่ำกว่าคาด และบริษัทจำนวนมากในตลาดหุ้นที่ถูกดำเนินคดีฟ้องร้องจากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนเนื่องจากตรวจพบหลักฐานในการกระทำผิดกฎหมายตลาดหุ้น เหตุผลทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดการเทหายหุ้นไทยและฉุดดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index ร่วงมากถึง -14% ภายใน 12 เดือนผ่านมา
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่มีต่อตลาดหุ้นไทยนั้น ลดลงมาเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ความไม่มีเสถียรภาพการเมืองไทย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน จะหลุดพ้นจากคำตัดสินของศาลต่อกรณียื่นถอดถอนจากตำแหน่ง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 518,000 ล้านบาทในโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทที่ล่าช้ามาตลอด
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยต่อไปว่า นักลงทุนต่างประเทศทั่วโลกยังคงขาดความเชื่อมั่นต่อเนื่อง โดยสะท้อนจากการขายหุ้นไทยสุทธิสูงถึง -119,185 ล้านบาท หรือราว 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา มูลค่าการขายสุทธิดังกล่าวของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเส้นทางที่ไม่แตกต่างจากการขายหุ้นไทยสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในปี 2023 ผ่านมา ซี่งในปีที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติทำสถิติการขายสุทธิมากที่สุดในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020
นายเคนเนธ ตัง ผู้จัดการอาวุโสพอร์ตการลงทุน นิกโก แอสเส็ท แมเนจเมนต์ กล่าวว่า ความชัดเจนและความมีเสถียรภาพของทั้งการเมืองและนโยบายจะกลายเป็นปัจจัยเร่งสำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่จะดูดีขึ้น ซี่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติหวนกลับทาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ย้อนกลับไปเมื่อ 29 มิถุนายน 2024 ผ่านมา บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ ซึ่งเป็นสำนักวิจัยด้านตลาดทุน และเศรษฐกิจชื่อดังระดับโลกของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปิดในวันทำการสุดท้ายของเดือนมิถุนายน หรือวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2024 ที่ระดับ 1,300.96 จุด ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 ตกต่ำลงถึงกว่า 5% ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นไทยรายไตรมาสปิดลบต่อเนื่องถึง 6 ไตรมาสติดต่อกัน ทำสถิติดัชนีหุ้นไทยร่วงยาวนานเป็นประวัติการณ์ หรือนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 1987 เป็นต้นมา หรือในรอบ 37 ปี
นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยสุทธิในไตรมาสที่ 2 มากถึง 1,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 45,510 ล้านบาท ทำให้นับตั้งแค่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ปีนี้ นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยสุทธิสะสม 3,160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 116,920 ล้านบาท
ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2024 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานว่า ดัชนีหุ้น SET Index ปิดที่ระดับ 1,300.96 จุด -8.50 จุด หรือ -0.65% มูลค่าการซื้อขาย 54,526 ล้านบาท โดยทำจุดต่ำสุด 1,286.67 จุด และทำจุดสูงสุด 1,311.73 จุด ดังนั้น ดัชนีหุ้นไทยในครึ่งแรกของปีนี้ หรือนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้ 28 มิถุนายน 2567 ทรุดต่ำลง -7.51% ขณะที่ในรอบ 3 เดือนผ่านมา ตกต่ำลง -5.58% และในรอบ 12 เดือนผ่านมา ดำดิ่งกว่า -13.44%
ในวันนี้ 28 มิถุนายน 2567 พบว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย -2,620.43 ล้านบาท เมื่อนับรวมตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมากถึง -34,871.88 ล้านบาท สอดรับกับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันนี้ 28 มิถุนายน 2024 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมากถึง -117,031.49 ล้านบาท ส่งผลให้วันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยทะลุหลัก 100,000 ล้านบาทเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน
ข้อมูลถึงเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2024 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิหุ้นไทยรวมกัน 27 วันทำการติดต่อกัน หรือตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคมถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2024 (ในวันทำการ) มูลค่า -51,635.66 ล้านบาท ส่งผลทำสถิตินักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยยาวนานที่สุดในรอบ 4 เดือน 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง หรือนับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2024
ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นปิดในวันนี้ 28 มิถุนายน 2567 นั้น ยังดำดิ่งมากถึง -521.70 จุด หรือดิ่งลงเหวถึง -28.62% เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 1,822.66 จุด ส่งผลตลาดหุ้นไทยเข้าภาวะหมี หรือ Bear Market มาอย่างยาวนาน