ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปิดร่วงลงอย่างหนัก กว่า 21.07 จุด ดัชนีหลุด 1,400 จุด ครั้งแรกของปี 2567 และครั้งแรกในรอบ 1 เดือน จากความกังวลปัจจัยกดดันหลังจากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างใจเย็น และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ต่ำกว่าคาด
ส่งผลให้ ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้ที่ 1,380.65 จุด ลดลง 21.07 จุด หรือ -1.50% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 56,707.53 ล้านบาท ตลาดผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน ซึ่งทำจุดต่ำสุดวันนี้อยู่ที่ 1,378.85 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,397.97 จุด
ส่วน 3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. PTT มูลค่า 2,787 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 33.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.74%
2. PTTEP มูลค่า 2,351 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 148.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.33%
3. AOT มูลค่า 2,006 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 61.25 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 2.78%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงลงไปค่อนข้างแรงตอบรับ Sentiment เชิงลบตลาดภูมิภาคลงกันถ้วนหน้า หลังจากเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ออกมาสนับสนุนประเด็นที่ว่าเฟดไม่จำเป็นต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ย และยังต้องใช้ความระมัดระวัง กดดันสินทรัพย์ที่ปรับขึ้นไปรับข่าวก่อนหน้านี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี กลับมายืนเหนือ 4% อีกครั้ง อีกทั้งดัชนีดอลลาร์สหรัฐก็ขึ้นไปทำ New High ระยะสั้น หลังจากอ่อนตัวลงมาต่อเนื่อง
รวมทั้งการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่ตลาดคาด และราคาบ้านของจีนปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 9 ปี สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ขณะที่ในประเทศไร้ปัจจัยใหม่หนุน และนโยบายต่างๆ น่าจะล่าช้าออกไป โดยเฉพาะ ดิจิทัลวอลเล็ต ส่งผลให้ภาพรวมตลาดเป็นลบมากกว่าบวก
ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่าดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงจาก 2 ปัจจัยกดดัน คือจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลง ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ ปรับขึ้นค่อนข้างแรง หลังจากคณะผู้ว่าการเฟด นาย Christopher Waller แถลงว่าแม้เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในปี 2567 แต่น่าจะปรับลดน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ณ ปัจจุบัน และไม่มีความจำเป็นที่จะรีบลดดอกเบี้ยเพราะตัวเลขเศรษฐกิจยังดีอยู่และเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย
ถัดมาคือ สาเหตุหลักจากความกังวลเศรษฐกิจจีนที่ล่าสุดรายงานตัวเลข GDP ปี 66 อยู่ที่ 5.2% ต่ำกว่าคาด 5.3% ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติ ฟันด์โฟลว์ไหลออก พร้อมกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวลงไปพร้อมกัน ในตลาดหุ้นเกาหลี ฮ่องกง
ถือเป็นวันแรกที่หลุดกรอบแนวต้านสำคัญที่ 1,400 จุด กลายเป็นสัญญาณเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งกำลังเผชิญสภาวะ Risk Off มีความเสี่ยงที่ดัชนีหุ้นไทยจะลงต่อ แต่ไม่รุนแรงนัก เพราะในวันนี้ได้ปรับตัวลงไปอย่างมากแล้ว โดยประเมินว่าพรุ่งนี้ (18 ม.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยเสี่ยงลงต่อเนื่องในกรอบแนวรับ 1,360–1,390 จุด