ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,383.93 จุด ลดลง 0.15 จุด หรือ -0.01% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41,218.21 ล้านบาท ดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,379.86 จุด และ ทำจุดสูงสุดที่ 1,389.67 จุด โดยตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งทรงตัวออกด้านข้างลดความร้อนแรง โดยมีแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งกว่าคาด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันค่าเงินเอเชีย ส่งผลต่างชาติชะลอลงทุน
3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,375.90 ล้านบาท ปิดที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2. AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,316.98 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3. TTB มูลค่าการซื้อขาย 1,116.36 ล้านบาท ปิดที่ 1.87 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งทรงตัวออกด้านข้าง ลดความร้อนแรงลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาได้ค่อนข้างดี ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งบวก-ลบผสมผสาน หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) พุ่งขึ้น กดดันค่าเงินเอเชีย ส่งผลกระทบให้ต่างชาติชะลอการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแรงซื้อจากหุ้นใหญ่ อาทิ AOT TTB BDMS CPALL ช่วยพยุงได้บ้าง คาดว่ายังมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าอยู่
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีทรงตัว โดยนักลงทุนรอติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทย รวมทั้งรายงานความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ปัจจัยภายนอกติดตามประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมทั้งการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของจีนในสัปดาห์นี้
ให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,395-1,400 จุด
