ตลาดแรงงานวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีการอาหาร ฟู้ดไซน์ยังไม่ขาดแคลนรุนแรง อาชีพนี้ไม่ตายแต่ไม่โต สะท้อนงานยาก เรียนหนัก แถมเงินเดือนสตาร์ทต่ำ พ่วงค่าตอบแทนน้อย

ทีมวิจัย Big Data ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารรายสำคัญของโลก หนึ่งในคีย์แมนสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ คือ แรงงานวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีการอาหาร หรือ Food Science  โดยมีการประเมินว่าใน 5 ปีข้างหน้า ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและอาหารแห่งอนาคตจะมีความต้องการแรงงานสูงกว่า 4 หมื่นตำแหน่ง แต่ทว่าจากตัวเลขจริงในตลาดแรงงาน ทีมวิจัย Big Data ทีดีอาร์ไอ กลับพบว่าความต้องการแรงงานในสาขานี้ ไม่ได้ขยายตัวตามที่มีการคาดการณ์กันไว้ อีกทั้งแนวโน้มความนิยมของผู้ศึกษาในสาขาวิชานี้ลดลง โดยสาเหตุมาจากค่าตอบแทนเริ่มต้นที่ค่อนต่ำ สวนทางกับการเรียนที่ยาก

คนเรียน Food Science ลดฮวบต่อเนื่อง สะท้อนจากผู้สำเร็จการศึกษาของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ระหว่างปี 2564–2568 พบว่า จำนวนผู้จบการศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอาหาร ลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยตัวเลขปรับลดจาก 4,015 คนในปี 2564 เหลือเพียง 3,389 คนในปี 2568 คิดเป็นสัดส่วนลดลง -15.6% ในช่วงเวลาดังกล่าว หรือลดลงจากสัดส่วน 1.21%เหลือ 1.07% เมื่อเทียบกับสาขาอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มจำนวนผู้เข้าเรียนในสาขา Food Science ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และในบางพื้นที่สถานการณ์รุนแรงจนทำให้หลายมหาวิทยาลัยต้องยุบ หรือหยุดเปิดสอนสาขานี้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏที่เผชิญปัญหาจำนวนผู้สมัครต่ำต่อเนื่องจนอาจไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ในบางปี

อาชีพ Food Science ไม่ตายแต่ไม่โต แม้ว่าผลการสำรวจความต้องการบุคลากรทักษะสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. 2568–2570 ของ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และบริษัท ไอริส คอนซัลติ้ง จำกัด จะประเมินว่าอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และอาหารแห่งอนาคตมีความต้องการแรงงานสูงกว่า 47,579 ตำแหน่งในระยะ 5 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนทิศทางการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตอาหารเชิงเทคโนโลยีและความต้องการทักษะเชิงลึกทั้งด้านกระบวนการผลิต มาตรฐานความปลอดภัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการตลาดอาหาร 

แต่เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงประจักษ์จากตลาดแรงงานจริง จากการประกาศหางานออนไลน์กลับพบว่าความต้องการแรงงานในสาขาวิชา Food Science ยังไม่ได้ขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้

ข้อมูลจาก “โครงการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Large Language Models (LLMs) เพื่อการใช้ประโยชน์ในการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงฯ” ที่ทีมวิจัย Big Data ทีดีอาร์ไอ ที่ได้รวบรวมข้อมูลประกาศรับสมัครงานออนไลน์จากกว่า 23 เว็บไซต์ทั่วประเทศ พบว่า แม้อุตสาหกรรมอาหารจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญตามกรอบ S-Curve (อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร) และ BCG (เกษตรและอาหาร)

แต่เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงความต้องการแรงงานในสาขาการศึกษาด้าน Food Science ระหว่างไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ถึงไตรมาสที่ 3 ปี 2568 จะพบว่าภาพรวมของตลาดแรงงานยังไม่สะท้อนการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในส่วนของตำแหน่งงานที่ต้องการผู้จบสาขา Food Science และจำนวนงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายดังกล่าว สะท้อนว่าความต้องการแรงงานของภาคเอกชนในช่วงเวลาดังกล่าวยังเคลื่อนไหวในระดับทรงตัวมากกว่าการเติบโตอย่างชัดเจน

จำนวนสาขาวิชาที่ถูกระบุในประกาศหางานไตรมาส 3 ปี 2567 และ 2568 พบว่าภาพรวมประกาศงานทั้งหมดลดลงเล็กน้อยที่ –3.37% ในขณะที่สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร เพิ่มขึ้น 3.11% ขณะที่สาขาการศึกษาอื่น ๆ หดตัวลดลงที่ -3.37% อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของความต้องการในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารยังไม่สามารถตีความได้ว่ามีนัยสำคัญเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในหลักไม่กี่สิบคนต่อปี ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากความผันผวนตามปกติ

จำนวนประกาศงานจำแนกตามอุตสาหกรรม S-CURVE และ BCG ในไตรมาส 3 ปี 2567 และ 2568 พบว่าอุตสาหกรรมอาหารทั้งในกลุ่มการแปรรูปอาหาร (S-CURVE) และกลุ่มเกษตรและอาหาร (BCG) มีการลดลง -6.33% และ -6.83% ตามลำดับ แม้อัตราการลดลงจะน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นในกลุ่มเดียวกัน แต่อุตสาหกรรมอาหารโดยรวมก็ยังคงเผชิญภาวะการปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดแรงงานภาพรวม

แม้ความต้องการแรงงานในสาขา Food Science จะไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่จากข้อมูลตลอดช่วงปี (ไตรมาส 4 ของปี2567 – ไตรมาส 3 ของปี2568) พบว่ามีตำแหน่งงานที่ต้องการผู้สำเร็จการศึกษาด้านนี้รวม 5,134 ตำแหน่ง ขณะที่ในปี 2568 มีผู้สำเร็จการศึกษาเพียง 3,389 คน อีกทั้งเมื่อจำแนกตามระดับประสบการณ์จะพบว่ามีเพียง 2,408 ตำแหน่งที่ต้องการผู้สมัครที่มีประสบการณ์ต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งสะท้อนจำนวนตำแหน่งงานระดับเริ่มต้น (Entry Level) ที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงาน

แต่อย่างไรก็ตาม มีตำแหน่งที่ต้องการผู้สมัครที่มีประสบการณ์ต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งสะท้อนจำนวนตำแหน่งงานระดับเริ่มต้น (Entry Level) เพียง 2,408 ตำแหน่ง เทียบกับผู้จบใหม่ 3,389 คน หลักฐานเชิงตัวเลขดังกล่าวชี้ว่าตลาดแรงงานด้าน Food Science อาจไม่ได้อยู่ในภาวะขาดแคลนแรงงาน แต่อย่างไรก็ตาม การประเมินดังกล่าวยังมีข้อจำกัดสำคัญ เนื่องจากข้อมูลจากเว็บไซต์ประกาศงานสะท้อนเพียงส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานจริง อีกทั้งยังพบงานอีก 262 ตำแหน่งที่ต้องการผู้จบด้าน Food Science แต่ไม่ได้ระบุสาขาอย่างชัดเจน รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหมดไม่ได้เข้าสู่สายงานตรงเสมอไป

งานยาก เรียนหนัก ค่าตอบแทนน้อย นั่นหมานถึงการศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร (Food Science) รวมถึงสาขาที่เกี่ยวข้องมีระดับความยากพอสมควร เนื่องจากเป็นสาขาที่ต้องอาศัยพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์หลายแขนง ทั้งเคมี ชีววิทยา จุลชีววิทยา และเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร ทำให้นักศึกษาจำเป็นต้องมีความเข้าใจเชิงลึกและทักษะปฏิบัติการที่เข้มข้น โดยเฉพาะในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มักรับนักเรียนสายศิลป์เข้าเรียน ส่งผลให้ผู้เรียนจำนวนไม่น้อยขาดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็น ทำให้เผชิญความยากลำบากในการเรียนรายวิชาหลัก และนำไปสู่อัตราการเรียนไม่จบที่สูงกว่ากลุ่มสถาบันอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ค่าตอบแทนในสายงานกลับน้อยสวนทางกับระดับความยากของหลักสูตร โดยข้อมูลจาก MyTcas ระบุว่าสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารมีค่ามัธยฐานเงินเดือนอยู่เพียงราว 15,000–20,000 บาท ซึ่งถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับหลายสาขาวิชาอื่น เช่น สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้าที่มีค่ามัธยฐานเงินเดือนอยู่ช่วง 17,000-25,000 บาท และสาขาวิชาเคมีที่ช่วง 17,000-23,000 บาท

หากเทียบกับสาขาอื่นในมหาวิทยาลัยเดียวกัน จะพบว่าผู้สำเร็จการศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารมักมีระดับค่าตอบแทนเริ่มต้นต่ำกว่าสาขาวิศวกรรมศาสตร์และสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์อื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ แม้จะเรียนในสถาบันเดียวกันก็ตาม ซึ่งระดับค่าตอบแทนเริ่มต้นที่ต่ำเช่นนี้เอง น่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนจำนวนมากหันไปเลือกศึกษาสาขาอื่นที่มีผลตอบแทนทางอาชีพสูงกว่าแทน ขณะเดียวกันก็อาจตั้งคำถามได้ว่าค่าตอบแทนที่ต่ำนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาที่มีมากกว่าความต้องการแรงงานหรือไม่?

โครงสร้างของอุตสาหกรรมการผลิตอาหารในประเทศไทยมีลักษณะที่ส่งผลต่อระดับค่าตอบแทนของแรงงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า ผู้ประกอบการในหมวดอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กมาก (Micro Enterprise) สูงถึง 125,679 ราย หรือคิดเป็นกว่า 87.10% ของกิจการทั้งหมดในกลุ่มนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น อุตสาหกรรมการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ซึ่งมีสัดส่วนธุรกิจขนาด Micro เพียง 49.22% หรือ อุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ 62.34% จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า อุตสาหกรรมผลิตอาหารมีสัดส่วนธุรกิจรายย่อยสูงกว่ามาก โครงสร้างเช่นนี้ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนและความสามารถในการจ้างแรงงานทักษะสูง ส่งผลให้ระดับค่าตอบแทนในสาขา Food Science อยู่ในระดับที่ไม่สูง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles