สำนักงานจัดการธุรกรรมการลงทุนต่างประเทศ จีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นองค์กรรัฐบาลคล้ายคลึงกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยว่า ในปี 2023 มูลค่าเงินลงทุนทางตรง หรือเอฟดีไอ(FDI) จากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศจีนอยู่ที่ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.19 ล้านล้านบาท ลดลงมากถึง -80% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 ส่งผลทำสถิติมูลค่าเงินลงทุนทางตรงตกต่ำเป็นปีที่ 2 ติดกัน และมีมูลค่าตกต่ำลงน้อยกว่า 10% ของสถิติมูลค่าลงทุนทางตรงในปี 2021 ที่มากเป็นประวัติการณ์ที่ 344,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 12.38 ล้านล้านบาท
ที่สำคัญที่สุด คือมูลค่าเอฟดีไอดังกล่าวในปีผ่านมา ทำสถิติน้อยที่สุดในรอบ 30 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา หรือนับตั้งแต่ยุคสมัยที่อดีตประธานาธิบดีนายเติ้งเสี่ยวผิงผลักดันนโยบายการเปิดเศรษฐกิจจีนเชื่อมต่อโลกภาพนอกในช่วงระหว่างการเดินทางไปเยือนภาคใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ การเปิดประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ตามนโยบายของนายเติ้งเสี่ยวผิง ก็เพื่อต้องการดึงดูดการลงทุน บุคลากร และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ภายใต้นโยบายการปฏิรูปและการเปิดประเทศ ซึ่งบุกเบิกโดยนายเติ้งเสี่ยวผิงในช่วงปลายทศวรรษ 1970
สาเหตุที่ทุนต่างชาติลดการลงทุนทางตรงในจีนแผ่นดินใหญ่อย่างรวดเร็วเป็นผลมาจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ภายใต้การปกครองของนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบันดำเนินนโยบายความมั่นคงของชาติเป็นหลักและให้ลำดับความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด รัฐบาลจีนใช้มาตรการสอดแนมและตรวจค้นกลุ่มธุรกิจที่เข้าข่ายนำไปสู่การสร้างความสั่นคลอน และการล้วงข้อมูลที่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่พิจารณาว่ามีต่อความมั่นคงของประเทศ รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านวิจัยด้วยการทำงานวิจัยตลาด และกิจกรรมอื่นๆ รวมถึงการควบคุม กักขัง หรือหน่วงเหนี่ยวพนักงานชาวต่างชาติด้วย
ตามปกติของธุรกิจจากโลกตะวันตก ได้แก่ บริษัทสัญชาติอเมริกันและยุโรป บ่อยครั้งที่จะดำเนินการงานวิจัยอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับภาวะและเงื่อนไขการลงทุนทำธุรกิจเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจสรุปการลงทุน แต่ด้วยการทบทวนและแก้ไขนโยบายรวมถึงกฎหมายต่อต้านการสอดแนมและการป้องกันโจรกรรมข้อมูลของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งประกาศใช้มีผลเมื่อกรกฎาคม 2023 เป็นต้นมา ทำให้บริษัทต่างประเทศไม่สามารถดำเนินการงานวิจัยได้ตามระยะเวลา ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนทางตรงให้ล่าช้า และสูญเสียโอกาสทางธุรกิจมากมาย
ด้านนักลงทุนในเอเชียโดยเฉพาะบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเผชิญกับมาตรการและกฎหมายเดียวกัน ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อการลงทุนทางตรงของญี่ปุ่นในจีนแผ่นดินใหญ่ ผลสำรวจความคิดเห็นของบรรดาผู้บริหาร หรือนักธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมในปีผ่านมา พบว่ามีความกังวลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันที่จีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากความไม่แน่นอน หรือจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลากับการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการสอดแนมและการป้องกันโจรกรรมข้อมูลของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
โรเดียม กรุ๊ป เปิดเผยว่า ในปี 2018 จีนแผ่นดินใหญ่มีสัดส่วนการลงทุนทางตรงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมผลิตไมโครชิปสูงถึง 48% ของลงทุนทางตรงอุตสาหกรรมผลิตไมโครชิปทั่วโลก แต่มาถึงในปี 2022 สัดส่วนดังกล่าวลดต่ำดำดิ่งลงเหลือเพียง 1% ของลงทุนทางตรงอุตสาหกรรมผลิตไมโครชิปทั่วโลก สาเหตุมาจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาใช้นโยบายและผ่านกฎหมายจำกัดการเข้าถึงของประเทศจีนกับอุตสาหกรรมไมโครชิป และเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง ทำให้บริษัททั้งสหรัฐและต่างชาติล้วนลดการลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวที่จีนแผ่นดินใหญ่อย่างต่อเนื่อง