ต่างชาติลดเงินลงทุนทางตรงในไทยกว่า 20,000 ล้าน ร่วง 30% ญี่ปุ่นยังครองแชมป์ลงทุนในไทย

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 (มกราคม – มิถุนายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 326 ราย รวมเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 48,927 ล้านบาท มีการจ้างงานคนไทย 3,222 คน

นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 74 ราย เงินลงทุน 17,527 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 59 ราย เงินลงทุน 2,913 ล้านบาท สิงคโปร์ 53 ราย เงินลงทุน 6,916 ล้านบาท จีน 24 ราย เงินลงทุน 11,505 ล้านบาท และ สมาพันธรัฐสวิส 14 ราย เงินลงทุน 1,857 ล้านบาท

เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้นักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 42 ราย แต่ที่น่าสนใจ คือมูลค่าการลงทุนลดลง 21,022 ล้านบาท หรือลดลง -30% โดยช่วงครึ่งปีแรกของปี เม็ดเงินลงทุน 48,927 ล้านบาท ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 มีเงินทุนถึง 69,949 ล้านบาท และจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 49 ราย โดยมีการจ้างงาน 3,222 คน นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปี 2565

สำหรับการลงทุนในพื้นที่อีอีซี (EEC) ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกของนักลงทุนต่างชาติในช่วงครึ่งปีแรก มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 61 ราย คิดเป็น 19% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่รวมทั้งสิ้น 10,771 ล้านบาท คิด 22% ของเงินลงทุนทั้งหมด

ด้านประเภทนักลงทุนต่างชาติ ยังคงเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 26 ราย ลงทุน 4,344 ล้านบาท อันดับ 2 จีน 9 ราย ลงทุน 752 ล้านบาท อันดับ 3 เกาหลีใต้ 5 ราย ลงทุน 286 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ อีก 21 ราย ลงทุน 5,388 ล้านบาท