การท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ JTA เปิดเผยในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2025 นี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นสะสมรวมกัน 10.5 ล้านคน เพิ่มสูงขึ้นถึง 23.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ญี่ปุ่นพุ่งสูงถึง 3.5 ล้านคน ทำสถิติมากเป็นอันดับที่สอง เป็นรองจากในเดือนมกราคมที่มีต่างชาติเข้ามามากถึง 3.78 ล้านคน สาเหตุจากค่าตั๋วเครื่องบินโดยสารที่มีราคาถูก รวมถึงรัฐบาลญี่ปุ่นได้ผ่อนคลายมาตรการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศโดยเฉพาะชาวจีน
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ยังคงเป็นอันดับหนึ่งที่เดินทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นด้วยจำนวนเพิ่มสูงมากกว่า 2.36 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงมากถึง 78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ผ่านมา ที่สำคัญ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนดังกล่าวคิดเป็น 22.47% ของจำนวนนักท่องเที่ยวในภาพรวมทั้งหมดในไตรมาสที่หนึ่งที่เข้าญี่ปุ่นปีนี้ นอกจากนี้ ยังทำสถิติสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นที่มากกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 และยังสูงกว่า 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ในปี 2019 อีกด้วย
ขณะที่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในกลุ่มชาติอาเซียน ซึ่งประกอบไปด้วย 6 ประเทศ ได้แก่ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ เวียดนาม พบว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 18.3% ในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจจากสถาบันวิจัยชื่อดังในประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศอันดับหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียนที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นต้องเผชิญกับนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขนาดใหญ่อันดับ 4 ของญี่ปุ่นนั้น มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าญี่ปุ่นลดลง โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมดำดิ่งมากถึง -9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านไป สาเหตุจากชาวฮ่องกงมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัยในอาเซียนและญี่ปุ่น หลังจากเกิดเหตุการณ์นักร้องที่มีชื่อเสียงชาวจีนชื่อว่า ซิงซิง ถูกลักพาตัวในประเทศไทยโดยไปโผล่ที่ประเทศเมียนมา รวมถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่และรุนแรงถึง 7.7 แมกนิทูดที่เกิดขึ้นที่เมืองมัณฑะเลย์ในประเทศเมียนมาร ซึ่งกลายเป็นแผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปีของประเทศเมียนมาจนส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งเป็นเมืองจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวต่างประเทศเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยต่อไปว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาสที่หนึ่งที่มีจำนวนมากถึง 10.5 ล้านคน สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นได้สูงถึง 2.27 ล้านล้านเยน หรือ 15,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 540,260 ล้านบาท นั่นหมายถึงมีรายได้จากต่างชาติมาท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น 28.4% เทียบช่วงเดียวกันในปี 2024 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 1 ปีนี้ มีมูลค่ามากถึง 357,400 ล้านเยน หรือกว่า 83,810 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1 ใน 5 หรือ 20% ของรายได้เงินต่างชาติทั้งหมด ตามด้วยนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันมีมูลค่ามากถึง 260,600 ล้านเยน หรือกว่า 61,110 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.7% ของรายได้รวมทั้งหมด
ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2025 นี้ พบว่าประเทศญี่ปุ่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมีจำนวนมากกว่าประเทศไทยถึงกว่า 1,000,000 คน และในแง่รายได้ พบว่าญี่ปุ่นมีรายได้ได้จากต่างชาติมากกว่าประเทศไทยถึงเกือบ 80,000 ล้านบาท
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ รวมทั้งหมด 9,549,004 คน เพิ่มขึ้น 178,707 คน หรือเพิ่มขึ้น +1.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ขณะที่ มีรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 462,747 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,094 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น +1.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรกในช่วงเวลาดังกล่าว ได้แก่ จีน 1,331,434 คน หรือราว 13.94% ของตัวเลขทั้งหมด มาเลเซีย (1,153,496 คน) รัสเซีย (722,202 คน) อินเดีย (543,770 คน) และเกาหลีใต้ (497,930 คน)
ทั้งนี้ ภาพรวมการท่องเที่ยวไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 พบว่า ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมรวมทั้งสิ้น 9,370,297 คน มีการสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 454,653 ล้านบาท
