ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบในตลาดยุโรป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รายงานว่า วันนี้ 9 เมษายน 2025 เมื่อเวลา 14.00 น. ตามเวลาอังกฤษ หรือตรงกับเวลา 20.00 น. ของไทย พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 55.55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -4.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.76% สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เคลื่อนไหวที่ 58.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -4.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.4% ทั้งหมดเทียบกับราคาปิดของทั้ง 2 ตลาดในคืนผ่านมา ที่สำคัญ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดโลกในยุโรปเคลื่อนไหวทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปี 1 เดือน หรือนับตั้งกุมภาพันธ์ 2021 เป็นต้นมา
ด้านส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในช่วง 6 เดือน ทรุดต่ำลงมาเหลือเพียง 79 เซ็นต์ ทำสถิติส่วนต่างราคาที่ต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนปี 2024 หรือในรอบ 4 เดือนกว่าเป็นต้นมา สะท้อนถึงตลาดน้ำมันดิบคาดการณ์ว่าเข้าสู่ภาวะปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการในการบริโภค ที่สำคัญ ต่างราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ดังกล่าว ดำดิ่งลงมากถึง -86% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาส่วนต่างที่สูงสุดในเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 5.69 ดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงนั้นตราดคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบจะตึงตัวและความต้องการบริโภคน้ำมันดิบจากประเทศจีนจะเพิ่มสูงขึ้นจากผลรวมของรัฐบาลจีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในช่วงระยะเวลานั้น
สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกซื้อขายกันในตลาดเอเชียเวลานี้ถูกกระหน่ำเทขายลงอย่างรุนแรงเป็นผลมาจากนายหลาน โฟอัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศจีน แถลงประกาศใช้มาตรการอัตราภาษีนำเข้าสูงขึ้น 50% จากเดิมที่ได้ประกาศไปให้ขึ้น 34% รวมเป็นขึ้นภาษี 84% กับสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariifs สูงขึ้นอีก 50% ส่งผลให้อัตราภาษีรวมขึ้นถึง 104% กับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนทั้งนี้มาตรการตอบโต้ของกระทรวงการคลังจีนจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2025 เป็นต้นไป
วันนี้ 9 เมษายน 2025 เมื่อเวลา 00.01 น. ตามเวลากรุงวอชิงตันดีซีในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 11.01 น. ตามเวลาในประเทศไทย มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs มีผลบังคับใช้ครบทุก 185 ประเทศทั่วโลกเป็นทางการ ซึ่งอัตราการปรับเพิ่มภาษีดังกล่าวทำสถิติเป็นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่สูงสุดในรอบ 115 ปีของประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา หรือนับตั้งแต่ปี 1910 เป็นต้นมา ที่สำคัญ อัตราการจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับประเทศจีน ที่มีการปรับเพิ่มสูงขึ้นอีก 50% ส่งผลรวมทั้งสิ้นเป็น 104% มีผลบังคับใช้เช่นเดียวกัน
ย้อนกลับไปในคืนผ่านมา วันที่ 8 เมษายน 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 59.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.85% ไม่เพียงทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 4 ปี หรือตั้งแต่เมษายน 2021 เป็นต้นมา แต่ยังส่งผลราคาปิดดิ่งลงรวม 4 วันติดกัน -12.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -17.99% เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน มีราคาดิ่งต่ำสุดระหว่างวันแตะที่ระดับ 60.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาต่ำสุดระหว่างวันในรอบ 4 ปี ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี 3 เมษายน ราคาปิดดิ่งลง -6.64% ทำสถิติเป็นราคาปิดน้ำมันดิบในแง่เปอร์เซ็นต์ที่ดำดิ่งเลวร้ายที่สุดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2022 หรือในรอบ 2 ปี 7 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 62.82 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.16% ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 3 ปี 6 เดือน หรือตั้งแต่สิงหาคม 2021 ส่งผลราคาปิดดิ่งลงรวม 4 วันติดกัน -12.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -17.18% เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายนมีราคาดิ่งต่ำสุดระหว่างวันแตะที่ระดับ 64.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาต่ำสุดระหว่างวันในรอบ 4 ปี ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี 3 เมษายน ราคาปิดดิ่งลง -6.42% ทำสถิติเป็นราคาปิดน้ำมันดิบในแง่เปอร์เซ็นต์ที่ดำดิ่งเลวร้ายที่สุดตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2022 หรือในรอบ 2 ปี 8 เดือน หลังจากเมื่อวันพุธผ่านมา เป็นราคาปิดน้ำมันดิบที่สูงสุดตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ หรือในรอบ 5 สัปดาห์
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 9 เมษายน นี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอลล์ลง 50 สตางค์/ลิตร นับเป็นการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกครั้งที่ 6 ต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นมา ส่งผลเป็นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและกลุ่มแก๊สโซฮอลล์มีราคาขายถูกสุดใน 3 ปี 2 เดือนกว่า หรือตั้งแต่ 19 มกราคม 2565 และน้ำมันดีเซลมีราคาขายถูกสุดใน 10 เดือน หรือตั้งแต่ 17 พฤษภาคม 2567