ถึงครึ่งวันตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้น SET ดิ่งปัก -2% ทรุดกว่า 25 จุด ปิดเหลือแตะ 1,287.45 จุด

ถึงครึ่งวันตลาด หุ้นไทย ดัชนีหุ้น SET ดิ่งปัก -2% ทรุดกว่า 25 จุด ปิดเหลือแตะ 1,287.45 จุด

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานว่า ตลาดหุ้นไทยปิดครึ่งวันนี้ สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขายในสัปดาห์ใหม่ พบว่า ดัชนีหุ้น SET Index ปิดที่ระดับ 1,287.45 จุด ลดลง -25.63 จุด หรือ -1.95% มูลค่าซื้อขายสุทธิรวม 29,722 ล้านบาท โดยมีจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,285.90 จุด

ขณะที่ในช่วงเปิดตลาดวันนี้ 5 สิงหาคม 2567 พบว่า ดัชนีหุ้น SET Index เปิดที่ระดับ 1,289.83 จุด ลดลง -23.15 จุด หรือ -1.75% มูลค่าซื้อขายสุทธิรวม 3,512 ล้านบาท โดยมีจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,289.96 จุด

สาเหตุจาก สำหรับปัจจัยภายใน พบว่าในสัปดาหนี้ จะมีการตัดสินคดีทางการเมือง ได้แก่ การถอดถอนนายกรัฐมนตรี การยุบพรรคก้าวไกล สำหรับปัจจัยภายนอกประเทศไทย มาจากบรรยกาศการลงทุนในตลาดหุ้นในเอเชียเช้าวันนี้เปิดตลาดมา พบว่าดัชนีหุ้นทุกตลาดล้วนลดลงอย่างรุนแรงทันที เมื่อเวลา 10.30 น. เวลาไทย ได้แก่ ดัชนีหุ้นนิกเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ร่วงลง -1,662 จุด หรือ -4.63% มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 34,247.56 จุด ขณะที่ดำดิ่งลึกสุดระหว่างวันมากถึง -7% จึงเข้าสู่ภาวะปรับฐานสมบูรณ์แบบ หรือ Correction ที่สำคัญ เป็นดัชนีหุ้นที่ทรุดหนักต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมผ่านมา ซึ่งในวันนั้น ดัชนีหุ้นท๊อปปิก (TOPIX) ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ดัชนีหุ้นสำคัญของตลาดหุ้นญี่ปุ่นตกต่ำอย่างรุนแรงมากถึง -6% ที่สำคัญดัชนีหุ้นดังกล่าวทรุดต่ำอย่างรุนแรงรวม 2 วันติดกัน (พฤหัสบดีที่ 1 และศุกร์ที่ 2 สิงหาคม) มากถึง-9% ส่งผลให้ตลาดตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่นทำสถิติดำดิ่งเลวร้ายที่สุดในรอบ 13 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2011 ซึ่งเกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มเมืองฟูกูชิมะอย่างรุนแรง ที่น่าสนใจคือมูลค่าตลาดหุ้นโตเกียวประเทศญี่ปุ่นเสียหายภายในสองวันทำการดังกล่าวรวมกันถึง 89.2 ล้านล้านเยน หรือเกือบ 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 21.6 ล้านล้านบาท สาเหตุจากความกังวลในการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 2 ต่อเนื่องเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมผ่านมา ทำให้หุ้นกลุ่มส่งออกญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินเยนที่ทะยานแข็งค่า นอกจากนี้ ความกังวลอย่างมากกับบรรยากาศตลาดหุ้นในสหรัฐเมื่อวันศุกร์ผ่านไป

ดัชนีหุ้นคอสปี้ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ร่วงลง -147 จุด หรือ -5.5% เคลื่อนไหวที่ระดับ 2,528.87 จุด ดัชนีหุ้นเอเอสเอ็กซ์ 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ร่วงลง -200 จุด หรือ -2.52% เคลื่อนไหวที่ระดับ 7,747.50 จุด ดัชนีหุ้นฮั่งเส็ง ฮ่องกง ร่วงลง -101.56 จุด หรือ -0.6% เคลื่อนไหวที่ระดับ 16,843 จุด ดัชนีหุ้นสเตรทไทมส์ สิงคโปร์ ร่วงลง -91 จุด หรือ -2.73% เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,289.75 จุด ดัชนีหุ้นเบอร์ซา เคแอลซีไอ มาเลเซีย ร่วงลง -41.82 จุด หรือ -2.82% เคลื่อนไหวที่ระดับ 1,568.87 จุด

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐตกต่ำย่ำแย่หนักเมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมผ่านมา ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,737 จุด -610 จุด หรือ -1.51% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,346 จุด -100 จุด หรือ -1.84% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 16,776 จุด -417 จุด หรือ -2.43% โดยเฉพาะดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งเหวลึกสุดระหว่างวันถึง -989 จุดในคืนผ่านมา ขณะที่ในเดือนสิงหาคม ซึ่งผ่านมาครบ 2 วันทำการ ยังพบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดร่วงแรง -3.6%, -4.0% และ -5.1% ตามลำดับ

เมื่อปิดตลาดคืนผ่านมา พบว่า ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งเหว 2 วันติดกันรวมกว่า -1,000 จุด และปิดหลุดระดับ 40,000 จุดครั้งใหม่ ด้านดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดดิ่งเหว 2 วันติดกันรวมกว่า -800 จุด และปิดหลุดระดับ 17,000 จุดครั้งใหม่ ที่สำคัญ ดัชนีหุ้นนาสแดคเข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction เนื่องจากดัชนีดังกล่าวดำดิ่งหายไปกว่า 10% เทียบจากสถิติดัชนีหุ้นนาสแดคสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สถานการณ์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างรุนแรง จากในคืนวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมผ่านมานั้น ดัชนีหุ้นนาสแดคกลายเป็นดัชนีหุ้นแรกที่เข้าสู่ภาวะปรับฐานเป็นทางการ หรือ Correction ในขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง -3.9% และ -5.7% เทียบจากสถิติดัชนีหุ้นหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากนักลงทุนไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจสหรัฐ และผิดหวังอย่างมากต่อผลประกอบการของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่หลายแห่ง เริ่มจาก ยอดจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากที่ระดับ 175,000 คน นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ทำสถิติว่างงานสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีผ่านมา และยังเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันด้วย นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น อายุ 10 ปี ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 4% ต่อเนื่อง ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่ธันวาคม 2023

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles