ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2025 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.42 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.6% ส่งผลราคาปิดลดลง 3 วันติดกันรวม -2.55 หรือ -3.53% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.4% ส่งผลราคาปิดลดลง 2 วันติดกันรวม -1.91 หรือ -2.49%
ในสัปดาห์ผ่านไปราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิด -2.9% และ -2.1% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ปิดลดลงครั้งที่ 2 ใน 4 สัปดาห์ที่ปิดขึ้นติดต่อกันผ่านมา ในปี 2024 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดสุทธิลดลง 3% เมื่อเทียบกับปี 2023 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ มีราคาปิดสุทธิเสมอตัวกับในปี 2023
สาเหตุจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในคืนที่ผ่านมาว่าเน้นให้ความสำคัญกับนโยบายด้านพลังงานด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ซึ่งในปัจจุบันสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก ด้วยเป้าหมายที่ต้องการลดราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในช่วงฤดูร้อนที่จะมาถึงนี้ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวแสดงมุมมองเศรษฐกิจบนเวทีการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ เรียกร้องให้ซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มโอเปกพลัสลดราคาน้ำมันดิบ
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ผ่านมากลุ่มโอเปกพลัสมีมติคงเดิมกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่อง นอกจากนี้ สหรัฐเลื่อนการเก็บขึ้นภาษี 25% กับแคนดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 40-50 สตางค์/ลิตร ไม่เพียงเป็นการลดราคาน้ำมันขายปลีกครั้งที่ 4 ของปี 2025 แต่ยังเป็นการลดราคาครั้งที่ 2 ต่อเนื่อง ส่งผลเป็นราคาขายปลีกต่ำสุดใน 3 เดือน หรือตั้งแต่ 5 พฤศจิกายน 2024
