การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท. ) เปิดตัวโครงการใหญ่ “Nihao Month” ร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและตลาดจีน จัดเต็มโปรโมชันผ่าน 5 แพลตฟอร์มออนไลน์ของจีน ควบกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมดึงศิลปินดังเข้าร่วม เพิ่มแรงกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่ายตลอดช่วงก.ย.-ต.ค. 67 นี้ ถือเป็นก้าวแรกในการเข้าสู่บรรยากาศการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย–จีน
โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า โครงการ “Nihao Month” นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน 50 ปี ที่จะมาถึงในปี 2568 นี้ โดยเป็นการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรทางการท่องเที่ยว มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาทางการท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยให้ได้รับบริการที่ดีมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวคุณภาพจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางมาประเทศไทยในช่วงวันชาติจีน ไปจนถึงช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเทศกาลตรุษจีน พร้อมมุ่งหวังว่าจะขยายผลต่อยอดให้เกิดการพัฒนา และยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
ด้านน.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ร่วมกับพันธมิตรทางการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ จัดโครงการ “Nihao Month” เพื่อกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตลอดจนเพิ่มการใช้จ่ายทางการท่องเที่ยว ด้วยการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ คาดว่าจะสร้างการรับรู้กว่า 500 ล้านคน–ครั้ง และนักท่องเที่ยวมากกว่า 250,000 คน โดยจะขยายผลต่อเนื่อง เพื่อเป็นแรงส่งในการเข้าสู่ปี 2568 ที่จะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน 50 ปี ที่กิจกรรมส่งเสริมตลาดจะมีความเข้มข้นยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับกิจกรรมในโครงการ “Nihao Month” กำหนดจัดตลอดช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. 67 ได้แก่
–การร่วมกับพันธมิตรแพลตฟอร์มออนไลน์ในตลาดจีน ได้แก่ Ctrip, Fliggy, Meituan, Tongcheng, Unionpay จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายตั้งแต่เดือนก.ย. จนถึงสิ้นปี 67
–การจัด KOLs MEGA FAM Trip เชิญ Key Opinion Leaders จากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวนมากกว่า 100 ราย จัดทำเนื้อหาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย ภายใต้แนวคิด 5 Must Do in Thailand และเสน่ห์ไทย (Soft Power) เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์จีน ได้แก่ Little Red Book, Weibo, Douyin, BiliBili ในช่วงเดือนก.ย.
–กิจกรรม Amazing Thailand, Mid-Autumn Night จัดกิจกรรมไหว้พระจันทร์ สานสัมพันธ์ไทย–จีน โดยเชิญศิลปินชาวจีนชื่อดัง Luo Yunxi ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลในวันที่ 17 ก.ย. 67 เวลา 17.30-19.00 น. ณ สยามพารากอน พร้อมด้วยศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงอย่างมากในตลาดจีน อย่างต้าห์อู๋ พิทยา และใหม่ ดาวิกา ที่จะมาร่วมแสดงในโชว์สุดตระการตา สาธิตทำขนมไหว้พระจันทร์ และจับรางวัลสุดพิเศษให้กับผู้โชคดีจาก Luo Yunxi
-*การจัดกิจกรรม Chinese Passport Special Deals ร่วมกับพันธมิตรกลุ่ม ชอปปิงมอลล์ ดิวตี้ฟรี สปา ร้านอาหาร และบริการทางด้านการเดินทาง มอบสิทธิพิเศษและโปรโมชันให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพียงโชว์พาสปอร์ตแก่ร้านค้าพันธมิตรที่มีโลโก้ Nihao Month สามารถรับส่วนลดและของที่ระลึกมากมาย ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.-31 ต.ค. 67
–กิจกรรมสวัสดี (หนีห่าว) Sound of Friendship Mini Concert คอนเสิร์ตที่ใช้เครื่องดนตรีและวัฒนธรรม เป็นสื่อในการเชื่อมความสัมพันธ์บ้านพี่ เมืองน้อง ไทยและจีน โดยมีศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในตลาดจีนร่วมส่งความสุข พร้อมกิจกรรมไฮไลท์ Meet & Greet สำหรับแฟนคลับที่มียอดซื้อสินค้า ณ สยามพารากอน สูงสุด โดยกำหนดจัดกิจกรรมวันที่ 5 และ 12 ต.ค. นี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 ส.ค. 67 มีนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 4,534,021 คน โดยยังคงเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนมากที่สุด ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ มาตรการยกเว้นวีซ่าไทย–จีน การเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีคุณภาพและศักยภาพในการใช้จ่ายสูง และนิยมเดินทางต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงการเปิดเที่ยวบินตรงเส้นทางใหม่จากพื้นที่ศักยภาพของจีน ได้แก่ เมืองซีอาน เมืองฉางชา และเมืองเจิ้งโจว
โดยทิศทางการดำเนินงานของ ททท. ในตลาดจีน เน้นเจาะกลุ่มพื้นที่ใหม่ (New First Tier Cites) กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ (กลุ่ม Incentive, Fan Meeting, Family Across Generation และ Summer Camp) รวมถึงกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมต่อเนื่อง ซึ่งททท. เชื่อมั่นว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงโครงการ “Nihao Month” ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะช่วยผลักดันให้นักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นไปตามเป้าหมาย 7.3 ล้านคน ที่ตั้งไว้ในปี 2567 จากเดิม ตั้งเป้าที่ 8 ล้านคน