นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ครบองค์ประชุม รวมถึงภาคการท่องเที่ยวไทย มีผู้นำใหม่ด้วยเช่นกัน โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่ง ททท.มีการพูดคุยกับรมว.ท่องเที่ยวในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งก็สร้างความเชื่อมั่นและให้คำมั่นว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมสนับสนุนทุกนโยบาย โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งการส่งเสริมการจัดอีเวนต์ กิจกรรมที่ช่วยสร้างแรงส่ง หรือโมเมนตัมของภาคการท่องเที่ยวไทย อาทิ เสน่ห์ไทย 5 ภาค ไทยแลนด์วินเทอร์ เฟสติวัล และงานไหว้พระจันทร์ สานสัมพันธ์ไทย-จีน ปี 2567 (Amazing Thailand, Mid- Autumn Night) ที่จะมีหลัวอวิ๋นซี” (Luo Yunxi) ในฐานะแอมบาสเดอร์เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน กระตุ้นการเข้ามาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีน และกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนไทยเที่ยวไทยด้วย
โดยตามที่นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายเร่งด่วนใน 10 ข้อหลัก ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งใน 10 ข้อหลักที่ให้ความสำคัญด้วยนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อนโยบายเดิมต่อเนื่องจากนโยบายอิกไนท์ ไทยแลนด์ มีเรื่องการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ดีมากขึ้น โดยนายกได้มีการสานต่อในการผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ที่ถือเป็นหนึ่งในแกนหลักยู่แล้ว ผ่านกิจกรรมและอีเวนต์ใหญ่ อาทิ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ การจัดอีเวนต์ระดับนานาชาติ และการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เพื่อดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วม ซึ่งจะได้อานิสงส์ทั้งตลาดในประเทศและในประเทศด้วย ขณะที่ การทำงานในภาคการท่องเที่ยวไทยไม่มีการสะดุดเกิดขึ้น เพราะเราทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด
ในส่วนเป้าหมายจำนวนและรายได้ของภาคการท่องเที่ยวไทย ททท.พยายามมากที่สุดในการขับเคลื่อนรายได้รวมการท่องเที่ยวไปให้ถึงเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาทตามเป้า แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศอีก 1 ล้านล้านบาท ท่ามกลางความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยว ประเมินว่าจะไปถึงเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 36.7 ล้านคน ส่วนไทยเที่ยวไทย แม้ว่าเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือจะกระทบกำลังซื้อไปบ้าง แต่คาดว่าจะแตะยอด 200 ล้านคน-ครั้งได้ ด้วยการเร่งกระตุ้นเพิ่มความถี่การเดินทาง
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดในภาคเหนือนั้น ททท.ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์นร่วมกันมาตลอด โดยขณะนี้เป็นขั้นตอนของการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมก่อน หลังจากนั้นเมื่อสถานการณ์คลายตัวแล้ว ปริมาณน้ำลดลงแล้ว ททท.วางแผนประเมินภาพไว้ 3 ระดับ ได้แก่ 1.ผู้ประกอบการหรือแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ แต่พร้อมกลับมาให้บริการทันที 2.ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงเพิ่มเติมสักระยะ และ 3.ต้องปิดตัวลง ไม่สามารถเปิดบริการใหม่ได้ ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก โดยในส่วนผลกระทบของ 2 กลุ่มแรก ได้เตรียมให้สำนักงาน ททท.ในภาคเหนือจัดกิจกรรมส่งเสริมอย่างไรได้อีกบ้าง อาทิ การนำอินฟลูเอนเซอร์ไปเที่ยวในพื้นที่จริง เพื่อให้สามารถยืนยันได้ว่า แหล่งท่องเที่ยวไม่ได้รับผลกระทบอะไร กลับมาเปิดทำการได้ตามปกติแล้ว รวมถึงโปรโมชั่นแคมเปญเสนอขายราคาพิเศษในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งพื้นที่ในแหล่งท่องเที่ยวหลักไม่ได้รับผลกระทบมากนัก