นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยในฐานะประธานเปิดงานนำเสนอทิศทางการส่งเสริมตลาดการ ท่องเที่ยว ปี 2568 ว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 8 เสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบายอิกไนท์ ไทยแลนด์ ทัวริซึ่ม ซึ่งมุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวต้องให้ความสำคัญ 3 เรื่อง
1.การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยไปสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและยั่งยืน (High Value and Sustainability) 2.ให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ใช้จ่ายสูง มีระยะพำนักนาน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และ 3.การยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Shape Supply) ให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว โดยผลักดันเกณฑ์มาตรฐานความยั่งยืน ตลอดจนการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง นำไปสู่ปลายทางความสำเร็จของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่เติบโตอย่างยั่งยืนและสมดุล
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2568 เตรียมพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง เดินหน้าพลิกฟื้นศักยภาพท่องเที่ยวไทยทั้งระบบด้วยการกระตุ้นดีมานด์ ยกระดับซัพพลาย และมุ่งสู่ความยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือของพันธมิตรทุกภาคส่วน ชูเสน่ห์ไทย และเมืองน่าเที่ยว เป็นจุดขายสำคัญ ดึงดูดตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 7.5% จากปี 2567
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ปี 2568 นับเป็นปีแห่งความท้าทายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จะก้าวไปสู่ Amazing Thailand Grand Tourism Year อย่างยิ่งใหญ่ สอดรับนโยบายอิกไนท์ ไทยแลนด์ ทัวริซึ่มของรัฐบาล โดยเรายังคงสานต่อหัวใจสำคัญอย่างการกระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยว (Drive Demand), การยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply) ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ สร้างมาตรฐาน พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของนักท่องเที่ยว ภายใต้การเสริมกำลังซึ่งกันและกันของทุกภาคส่วนแบบ 360 องศา (Partnership 360o)
และเดินหน้าสู่ความยั่งยืนเพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ ผลักดันการเติบโตรายได้อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 7.5% สูงกว่าการเติบโตของจีดีพีไทย ปี 2568 ถึง 1.7 เท่า พาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับไปอยู่ ณ จุดสูงสุดอีกครั้ง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 39 ล้านคน และดึงไทยเที่ยวไทยมากกว่า 205 ล้านคน–ครั้ง สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะเป็นเรือธงอันทรงพลังผลักดันให้เศรษฐกิจไทย สังคมไทย และคนไทยเติบโตไปด้วยกันอย่างมีความสุขและยั่งยืน นำประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวระดับโลก
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ตลาดในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทย รับโจทย์ท้าทายที่การมุ่งให้เกิดการเดินทางทันที เพิ่มความถี่ กระตุ้นการใช้จ่าย รวมทั้งดึงกลุ่มศักยภาพ (ไทยเที่ยวนอก) ให้กลับมาท่องเที่ยวในประเทศมากยิ่งขึ้น พร้อมเสิร์ฟความสุขไปกับแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” โดยชวนคนไทยออกไปสุขทันทีที่ได้ไปใช้เวลาท่องเที่ยวกับคนที่รัก สิ่งที่รัก พร้อมใช้ Big Events และ Local Events ทั้งประเพณี ดนตรีและกีฬา และนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวที่ตรงใจ กระตุ้นการใช้จ่ายของ Sub-culture Segment พร้อมกับการนำเสนออัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย
ภาคเหนือชวนสัมผัส Season of the North เสน่ห์วันวานเมืองเหนือที่ผสานความสร้างสรรค์และความยั่งยืนอย่างลงตัว ผ่านอาหาร งานคราฟท์ และกิจกรรมเพื่อสุขภาพ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเปิดประสบการณ์อาหารถิ่นผ่าน Gastronomy Tourism และม่วนคักกับความสนุกสนานของเทศกาลประเพณีที่บ่งบอกความเป็นมาและเป็นไปของชีวิตผู้คน จากนั้นค่อยเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของ
ภาคกลาง พื้นที่ลุ่มแม่น้ำที่มาพร้อมความสุขอันเรียบง่ายผ่านเรื่องราวมรดกศิลปวัฒนธรรม ศรัทธาและอาหาร
แล้วไปสนุกกับภาคตะวันออก สีสันตะวันออก Colorful Burapha ด้วยกีฬากิจกรรมกลางแจ้ง อิ่มอร่อยกับพืชผัก ผลไม้และอาหารทะเลสดใหม่
สุดท้าย ภาคใต้ GO SOUTH ไปใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ด้วยการเดินทางแบบ Wellcation และ Carbon Neutral Tourism พร้อมดื่มด่ำธรรมชาติสองฝั่งทะเล
สำหรับตลาดต่างประเทศ มุ่งผลักดันการเติบโตของตลาดศักยภาพ 23 ตลาดทั่วโลกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยและสร้างรายได้มากกว่า 80% ของจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2567 รวมถึงเพิ่มจำนวนตลาด 7 digits ให้ได้ถึง 13 ตลาดในปี 2568 พร้อมสานต่อผลักดันการเพิ่ม Seat Capacity เข้าไทย ทั้งการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางบินปัจจุบัน เพิ่มเส้นทางบินใหม่ และขยายระยะเวลาการบิน ทั้ง Regular Flight และ Charter Flight ส่งเสริม “เมืองน่าเที่ยว” ที่มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และ “เสน่ห์ไทย” ที่สอดคล้องกับความต้องการและรสนิยมของนักท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ และต่อยอดกระแสความนิยมซีรีย์ ภาพยนตร์และ Music VDO ที่ถ่ายทำในประเทศไทยในกลุ่มแฟนดอม (Fandom) ให้เดินทางมาเที่ยวอย่างต่อเนื่องในปี 2568 กระตุ้นการเดินทางทั้งตลาดต่างชาติระยะใกล้และระยะไกล เพิ่มความถี่เดินทาง รุกกลุ่มเซกเตอร์ที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายทุกระดับอายุ