ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,276.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +36.75 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.2% ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ขณะที่ราคาสูงสุดระหว่างวันพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,276.89 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่สำคัญ ส่งผลราคาปิดขึ้น 6 วันติดกันรวม +127.05 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +2.72%
ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,292.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +35.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.6% ส่งผลทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่สำคัญ ส่งผลราคาปิดขึ้น 6 วันติดกันรวม +133.50 พี่ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +4.04% ตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งขึ้นเฉียด 10%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น +2.7% เดือนมีนาคมนี้ ทองคำตลาดโลกพุ่งทะยาน 9% ทำสถิติทองคำรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปี 8 เดือน หรือตั้งแต่กรกฎาคม 2020 นอกจากนี้ ราคาทองคำปิดขึ้น +8% ในไตรมาสที่ 2 ส่งผลเป็นราคาทองคำที่ปิดบวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2024 ผ่านมา ราคาทองคำสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ ไปอยู่ที่ 2,1949.99 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ ราคาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ในเอเชียอยู่ที่ 2,222.39 ดอลลาร์สหรัฐ
สาเหตุจากนักลงทุนให้น้ำหนักความรุนแรงและตึงเครียดในสถานการณ์ตะวันออกกลางหลังจากอิสราเอลโจมตีปลิดชีพผู้บัญชาการกองกำลังทหารระดับสูง 2 นายของอิหร่าน รวมถึงการยิงโจมตีขีปนาวุธของอิสราเอลในประเทศซีเรียแต่สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับสถานทูตอิหร่านในประเทศซีเรีย ส่งผลให้รัฐบาลอิหร่านประกาศตอบโต้ล้างแค้นอิสราเอลอย่างแน่นอน
นักลงทุนยังคงมีความมั่นใจสูงกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ขณะที่สภาทองคำโลก หรือ WGC เปิดเผยว่าืธนาคารกลางหลายแห่งโดยเฉพาะธนาคารกลางจีนเพิ่มการซื้อทองคำเข้าสะสมในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงเงินดอลลาร์สหรัฐ
ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐพลิกดีขึ้นในรอบ 1 ปีครึ่ง ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงในเดือนมิถุนายนนี้อยู่ที่ 58% จากเดิมที่ 61%