ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก เมื่อคืนวันที่ 29 ตุลาคม 2024 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,769.25 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +26.76 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1% ส่งผลทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ในเดือนตุลาคม โดยมีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 2,772.42 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคมผ่านมา สถิติราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นแตะระดับ 2,758.37 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,781.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +25.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.9% ส่งผลทำสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และส่งผลราคาปิดขึ้น 4 วันติดกัน +51.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.9% สถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่มี 5 ครั้งในเดือนตุลาคม ขณะที่ เมื่อวันพุธที่ 23 ตุลาคมผ่านมาสถิติราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์แตะระดับ 2,759.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ด้านการวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค พบว่า ดัชนีค่าความแข็งแกร่งราคาทองคำเมื่อเปรียบเทียบ หรือ Relative Strength Index (RSI) อยู่ที่ระดับ 74 จุด หมายถึงราคาทองคำเข้าสู่ภาวะซื้อลงทุนมากเกินปัจจัยแท้จริง ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาทองคำโลกพุ่งทะยานถึง +2.4% พบว่านับตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาทองคำพุ่งทะยานกว่า 34%
สาเหตุจากนักลงทุนกลับมาให้ความสำคัญกับปัจจัย การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ใกล้เข้ามาถึงในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ พบว่าคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นนำใน 6 รัฐที่มีความสูสี หรือรัฐสวิงจากทั้งหมด 7 รัฐสวิง ซึ่งก่อนหน้านี้นางกมลา แฮร์ริส มีคะแนนนิยมในรัฐสวิงนำถึง 5 รัฐจาก 7 รัฐสวิง นอกจากนี้ ผลสำรวจคะแนนนิยมในภาพรวมทั่วประเทศ พบว่า คะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อนางกมลา แฮร์ริส ขึ้นนำเป็นผลสำเร็จที่ 48% ต่อ 46% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความตรุนแรงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอเลาะห์กลายเป็นเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
ด้านตัวชี้วัดโอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐอเมริกา พบว่า การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐครั้งต่อไปวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ มีโอกาสที่ 85% จากเดิมที่ 96% ที่ดอกเบี้ยจะปรับลดลง 0.25%