ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่าวันที่ 14 มีนาคม 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,986.26 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +6.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.1% ทำสถิติราคาส่งมอบทันที (Spot) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 ในปี 2025 นี้ และส่งผลราคาทองปิดขึ้น 4 วันติดกันรวม +98.59 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +3.4% ที่สำคัญ มีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในคืนผ่านมาแตะระดับ 3,004.86 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาทองคำ (Gold Spot) ทำสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ถึง 13 ครั้ง มีราคาทะยานขึ้น +13.6%
สอดรับกับราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 3,001.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +9.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3% ทำสถิติราคาทองคำล่วงหน้า (Future) ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ และเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ในปี 2025 นี้ นอกจากนี้ ยังส่งผลราคาทองปิดขึ้น 4 วันติดกันรวม +98.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +3.4%
สาเหตุจากรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา นายโฮวาร์ด ลุทนิค กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอาจจะคุ้มค่า เพื่อที่จะให้นโยบายด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตทั้งทั่วไป และขั้นพื้นฐานเดือนกุมภาพันธ์ในสหรัฐ พบว่า ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2025 ซึ่งตรงข้ามกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่งต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของแบงก์ชาติสหรัฐอาจเป็นไปตามที่คาดการณ์ตามเดิม
กองทุนเอสพีดีอาร์ (SPDR) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเกี่ยวกับการลงทุนหน่วยลงทุนทองคำ หรืออีทีเอฟ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2025 ผ่านมา ได้เพิ่มการถือครองทองคำแท่งเป็น 907.82 เมตริกตัน ทำสถิติมากที่สุดในรอบ 1 ปี 6 เดือนกว่า หรือตั้งแต่สิงหาคม 2023
นายซูกิ คูเปอร์ นักวิเคราะห์จากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ เปิดเผยว่า ความต้องการลงทุนในหน่วยลงทุนทองคำ หรืออีทีเอฟ ยังคงมีอยู่อย่างมาก และความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของปัจจัยความขัดแย้งในปัญหาการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคสำคัญ รวมถึงความไม่แน่นอนสูงของมาตรการเก็บภาษีของสหรัฐและการตอบโต้สงครามการค้าที่มีต่อเนื่อง ทั้งหมดเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนทองคำ