สภาทองคำโลก (World Gold Council) หรือดับเบิลยูจีซี เปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนไม่มีการซื้อทองคำแท่งในเดือนกันยายนที่ผ่านไป ส่งผลให้ธนาคารกลางจีนหยุดซื้อทองคำเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันนับ หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ปัจจุบันธนาคารกลางจีนมีการถือครองทองคำแท่งจำนวน 72.80 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งเท่ากับในสิ้นเดือนพฤษภาคม ธนาคารกลางจีนเริ่มยุติการซื้อทองคำแท่งเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีนี้
อย่างไรก็ตาม มูลค่าทองคำสำรองในทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนอยู่ที่ 191,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 182,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.22 ล้านล้านบาท สาเหตุจากราคาทองคำโลกทะยานสูงขึ้นต่อเนื่องถึง 28% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งกำลังจะทำให้เป็นราคาทองคำรายปีที่สูงสุดในรอบ 14 ปี
สภาทองคำโลก เปิดเผยต่อไปว่า ในปี 2023 ธนาคารกลางจีนกลายเป็นธนาคารที่ซื้อทองคำแท่งมากที่สุดในโลก โดยซื้อทองคำรวมสุทธิ 7.23 ล้านออนซ์
ย้อนกลับไปเมื่อ 20 สิงหาคม 2024 ผ่านมา ธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า ได้อนุญาตโควต้าการนำเข้าทองคำแท่งรอบใหม่ให้กับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในประเทศจีน หลังจากในช่วงผ่านมา ได้ยุติการนำเข้าทองคำของธนาคารพาณิชย์เป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 2 เดือนก่อนที่จะถึงเดือนสิงหาคม เนื่องจากความต้องการบริโภคทองคำชะลอตัวลงในประเทศจีน ซึ่งมีผลมาจากราคาทองคำตลาดโลกมีราคาสูงเป็นประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง
บรรดานายหน้า หรือดีลเลอร์ซื้อขายทองคำในประเทศจีน ได้รับการเสนอให้มีส่วนลดราคาทองคำระหว่าง 5-8.5 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์จากราคาทองคำปัจจุบัน หรือ Gold Spot ในตลาดทองคำโลก หลังจากในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีราคาส่วนต่าง หรือค่าพรีเมียมสูงถึง 18 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ การอนุญาตในครั้งนี้ ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์ในตลาดทองคำคาดการณ์ว่า จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวราคาทองคำในตลาดโลก