ธนาคารกลางกลุ่มประเทศยูโร รายงานว่าปัจจุบันปริมาณทองคำสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นมาใกล้เคียงกับระดับในช่วงทศวรรษ 1960 หรือเมื่อ 65 ปีผ่านมา ที่สำคัญ ทองคำกลายสินทรัพย์ที่มีมากอันดับสองเป็นรองเพียงแค่เงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในระบบทุนสำรองของโลก สาเหตุจากธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเพื่อกระจายการถือครองสินทรัพย์ นอกจากนี้ การมีทองคำในสัดส่วนที่มากขึ้น ยังสามารถนำออกมาขายเพื่อแทรกแซง หรือพยุงค่าเงินในแต่ละประเทศท่ามกลางความตึงเครียดของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และความขัดแย้งของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่มีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มที่ว่าสกุลเงินหลักในระบบการเงินระหว่างประเทศจะมีบดบาทลดน้อยลง
ในปี 2023 ทองคำและสกุลเงินยูโรมีสัดส่วนใกล้เคียงกันประมาณ 16.5% ของทุนสำรองทั่วโลกโดยเฉลี่ย ต่อมาในปี 2024 สัดส่วนของเงินยูโรลดลงเหลือ 16% แต่ทองคำมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 19% ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีสัดส่วนสูงถึง 47% ในระบบทุนสำรองทั่วโลก ปัจจุบันนี้ ความต้องการถือครองทองคำของธนาคารกลางคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของความต้องการทองคำทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากราว 10% เมื่อยุคทศวรรษ 2010 หรือเมื่อ 15 ปีผ่านมา
ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนของราคาทองคำโลกเกิดขึ้นเมื่อกว่า 3 ปีผ่านมา กับเหตุการณ์ที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการทหารเข้าทำสงคราม และรุกล้ำอธิปไตยของประเทศยูเครนอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนก.พ. 2022 ส่งผลให้นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะแรงซื้อจากจีนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ เช่นเดียวกันกับประเทศอินเดียและตุรกีอยู่ในกลุ่มผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ด้วย