นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวว่าขณะนี้มีความไม่แน่นอนสูงเกิดขึ้นมากจริงๆทำให้ไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้ ซึ่งหมายถึงยังคงยากลำบากที่จะ รู้ว่าความไม่แน่นอนสูงดังกล่าวนั้นจะส่งผลออกมาในรูปไหน ขณะนี้ความรู้สึกเป็นไปในทิศทางลบ และอาจจะ เป็นความปั่นป่วน ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเริ่มต้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในขณะนี้สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อซึ่งเป็นผลมาจาก สาเหตุที่ไม่อยู่ในภาวะปกติ โดยปกติแล้วมักจะหมายถึงปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติ นั่นอาจจะหมายถึงนโยบายการเก็บขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า หาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าตามแผนทุกอย่างจริง นั่นหมายถึงอัตราเฉลี่ยภาษีศุลกากรนำเข้าของสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยครั้งใหญ่ หรือ The Great Depression
ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวว่าในช่วงหลายเดือนข้างหน้าเฟดจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเข้มข้น เพื่อที่จะรู้ได้ว่าผลกระทบจากสิ่งต่างๆเหล่านี้จะมีผลต่อผู้บริโภคชาวอเมริกันอย่างไร โดยเฉพาะราคาสินค้า ไม่ว่าจะเป็นในด้านรัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าหรือในกรณีมีการตอบโต้สงครามภาษีจากประเทศคู่ค้าโจทก์ท่านสร้างแรงกดดันไปยังภาวะเงินเฟ้อในที่สุด อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเฟสยังอยู่ในภาวะเร่งรีบที่จะต้องปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น อัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ที่ตึงต่อเนื่องเป็นครั้งที่สองในรอบปีนี้อยู่ในจุดที่สามารถรับมือกับความเสี่ยง และความไม่แน่นอนหลายหลายอย่างที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญอยู่ ทำให้จะต้องรอคอยและประเมินข้อมูลต่างๆกันอีกครั้ง
ในภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันยังคงมีความแข็งแกร่ง สะท้อนจากอัตราการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับ 4.1% ที่สำคัญมีสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดการจ้างงานในสหรัฐอเมริกามีความยืดหยุ่นและคล่องตัวสูง อย่างไรก็ตามเฟดและตัดสินใจปรับลดตัวเลขการคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปี 2025 นี้จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะเติบโต 2.1% ลงมาอยู่ที่ 1.7% และอัตราการว่างงานตลอดทั้งปีนี้นี้คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อถึงสิ้นปี 2025
ทั้งนี้ในคืนผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 4.25-4.50% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีกจำนวน 2 ครั้ง หรือรวม 0.5% ในช่วงสิ้นปีนี้