ธนาคารกลางอินเดีย หรืออาร์บีไอ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.0% นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงครั้งที่ 2 ติดต่อกัน
สาเหตุจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศอินเดียมีทิศทางอ่อนตัวลง โดยลดลงเหลือที่ระดับ 3.61% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้ที่ภาวะเงินเฟ้อใน 6 เดือนหน้าของอินเดียจะลดลงต่อเนื่องมาอยู่ระดับ 3.5% นอกจากนี้ภาวะเศรษฐกิจของอินเดียชะลอตัวลงเหลือเพียง 6.2% ในไตรมาสที่ 4 ในปี 2024 ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียเมื่อถึงสิ้นปีงบประมาณในวันที่ 31 มีนาคม 2025 จะมีตัวเลขจีดีพีเติบโตเพียง 6.5% นับเป็นตัวเลขที่ขยายตัวลดต่ำลงอย่างรุนแรงจากในปีงบประมาณก่อนหน้านี้ที่เติบโตสูงถึง 9.2%
รวมถึงการใช้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลดต่ำลงเพื่อพยุง และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากความผันผวนและความไม่แน่นอนสูงจากการใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs ของสหรัฐอเมริกาด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้า 26% ของอินเดีย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 9.31 น. ตามเวลาในประเทศอินเดีย หรือตรงกับเวลา 00.01 ของวันที่ 9 เมษายน 2025 ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา
ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปเปิดเผยว่าผลกระทบจากสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทนเก็บภาษีสูงขึ้นอีก 26% กับสินค้าจากประเทศอินเดียส่งผลให้เศรษฐกิจอินเดียได้รับผลกระทบลดลง 0.5% จากตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจของอินเดียเมื่อถึงสิ้นปีงบประมาณในวันที่ 31 มีนาคม 2026 นอกจากนี้ ภาวะการขยายตัวด้านการส่งออกของอินเดียได้รับการคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงจากปีที่แล้ว รวมถึงกระแสการลงทุนทางตรงที่จะเข้าสู่อินเดียอาจจะชะลอตัวลงในปีนี้
