เอมี่ โกเวอร์ นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ โลหะและอุตสาหกรรมเหมือง ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และมีชื่อเสียงระดับโลกของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ปัจจัยบวก 2 อย่างที่จะผลักดันราคาทองคำตลาดโลกในปี 2025 ได้แก่ ความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางที่มีความเป็นไปได้ว่าจะปรับลดลงในอนาคต จะ ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2025 นี้ราคาทองคำตลาดโลกจะขึ้นไปเคลื่อนไหวอยู่แถวบริเวณ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นายฟิลลิป นิวแมน กรรมการผู้จัดการ เมทัล โฟกัส เปิดเผยว่า จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลง ความเป็นไปได้ที่ภาวะเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต และโอกาสที่ธนาคารกลางสารัทธ์จะปรับลดดอกเบี้ยลงในระยะยาว ทั้งสามปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับเพิ่มสูงขึ้นไปเคลื่อนไหวที่ระดับ 3300 ดอลลาร์สหรัฐในอีกหลายเดือนที่กำลังจะจะมาถึง
นายอาแคช โดชิ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดทองคำโลก สเตท สตรีท โกลบอล แอดไวเซอร์ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะขึ้นทดสอบที่ระดับ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ภายในช่วงเวลาเก้าเดือนข้างหน้าจากนี้ไปจากภาวะกระทิงในตลาดทองคำโลก
ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 1 เมษายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 3,128.06 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -14.63 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.3% อย่างไรก็ตาม มีราคาสูงสุดระหว่างเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 3,148.88 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ทั้งนี้ ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +99.08 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +3.0% ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 19 ครั้ง และมีราคาทะยานขึ้นกว่า 18% นอกจากนี้ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 พบว่าราคาทองคำพุ่งดีที่สุดในรอบ 39 ปี หรือตั้งแต่ปี 1986 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 3,128.06 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคมผ่านมา
