ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลงถึง 2 ปีติดต่อกัน สำหรับราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ในปี 2025 จากเดิม 69 เหลือ 62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง 7 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -10.14% และในปี 2026 ลดลงจากเดิม 57 เหลือ 53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง 4 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -7.01%
สำหรับราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในปี 2025 จากเดิม 73 เหลือ 66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง 7 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -9.58% และในปี 2026 ลดลงจากเดิม 61 เหลือ 58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือลดลง 3 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -4.91%
สาเหตุจากคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 เพิ่มขึ้นเพียงวันละ 800,000 บาร์เรล ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบมีเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเพียงวันละ 300,000 บาร์เรล นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มโอเปกพลัสในตลาดน้ำมันดิบโลก ท่ามกลางความต้องการบริโภคน้ำมันดิบลดน้อยลง จึงนำไปสู่ภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นโลกในปี 2025 นี้ และมีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ จะลดต่ำลงจนหลุดระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในสิ้นปีนี้
ธนาคารดังกล่าว เปิดเผยว่า มีโอกาสสูงถึง 80% ที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับภาวะทดถอยระดับปานกลางท่ามกลางกำลังการผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มขึ้นวันละ 1 ล้านบาร์เรล ส่งผลเกิดภาวะล้นตลาดในปี 2025 นี้
ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค กลายเป็นธนาคารแห่งที่สองต่อจากธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ที่ประกาศปรับลดราคาคาดการณ์น้ำมันดิบในตลาดโลกทั้ง 2 แห่งลงต่อเนื่องถึง 2 ปีติดกัน เมื่อวานนี้ 14 เมษายนที่ผ่านมา  ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ประกาศลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเฉลี่ยลดลง สำหรับราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เฉลี่ยลดเหลือ 59 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เฉลี่ยลดเหลือ 63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนในเดือนธันวาคมปี 2026 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เฉลี่ยลดเหลือ 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เฉลี่ยลดเหลือ 58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ในกรณีเลวร้ายที่สุด ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกโดยเฉพาะราคาเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ในปี 2026 จะดำดิ่งตกต่ำเหลือเพียง 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในกระดาษที่ปี 2026 จะมีราคาทรุดหนักลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล