ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชื่อดัง และมีขนาดใหญ่ที่สุดใน ในประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นคาดการณ์ราคาเป้าหมายทองคำโลกที่เป็นที่ระดับ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในปี 2028 หรือคาดว่าจะมีราคาพุ่งทะยานขึ้นถึง 2 เท่าภายใน 3 ปี ซิ่งเป็นค่ายแรกที่มองราคาเป้าหมายทองคำสูงกว่าทุกสถาบันการเงิน หากราคาทองคำโลกเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ภายในสามปีข้างหน้ามูลค่าตลาดทองคำโลกจะพุ่งทะยานขึ้นถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,968 ล้านล้านบาท
สาเหตุจากมีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนว่า นักลงทุนในตลาดทองคำมีความต้องการซื้อทองคำ เพื่อป้องกันป้องกันความเสี่ยงในทุกสินทรัพย์ของตลาดทุนที่เผชิญกับภาวะความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง จากนโยบายและมาตรการการค้าและภาษีรวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงระยะ 2-3 ปีข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงในวันเดียวกัน ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ปรับขึ้นคาดการณ์ราคาเฉลี่ยทองคำโลกในช่วงไตรมาสที่สี่ปี 2026 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5,055 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นคาดการณ์ราคาเฉลี่ยจากเดิมอีก 1,380 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือปรับเพิ่มขึ้นอีก 37.55% จากเดิม
สาเหตุนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่ ความต้องการของนักลงทุนทองคำ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน และความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลก จะต้องมีการซื้อทองคำเพื่อการลงทุนสะสมรวมกันเฉลี่ยไตรมาสละ 566 ตันในปี 2026 นอกจากนี้ จะต้องมีความต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2026
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา นายเจมี ดีมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะไม่ใช่นักลงทุนทองคำโดยตรง เนื่องจากเมื่อคิดจากต้นทุนแล้วพบว่าจะมีต้นทุนราว 4% ในการลงทุนทองคำ แต่มองเห็นเหตุผลบางอย่างที่จะถือครองทองคำ ราคาทองคำอาจจะเคลื่อนไหว อย่างง่ายดายไปอยู่ที่ระดับ 5,000 หรือ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าหากยังคงถูกห้อมล้อมด้วยปัจจัยในสถานการณ์ปัจจุบันต่อเนื่อง นี่เป็นสถานการณ์หนึ่งในไม่กี่ครั้งของชีวิตผมที่ถือว่าการมีทองคำอยู่ในพอร์ตเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
