ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค (JP Morgan Chase & Co) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชื่อดัง และมีขนาดใหญ่ที่สุดใน ในประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ ได้ปรับขึ้นคาดการณ์ราคาเฉลี่ยทองคำโลกในช่วงไตรมาสที่สี่ปี 2026 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5,055 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นคาดการณ์ราคาเฉลี่ยจากเดิมอีก 1,380 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือปรับเพิ่มขึ้นอีก 37.55% จากเดิม
สาเหตุนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่ ความต้องการของนักลงทุนทองคำ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน และความต้องการของธนาคารกลางทั่วโลก จะต้องมีการซื้อทองคำเพื่อการลงทุนสะสมรวมกันเฉลี่ยไตรมาสละ 566 ตันในปี 2026 นอกจากนี้ จะต้องมีความต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในปี 2026
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา นายเจมี ดีมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ธนาคารเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าส่วนตัวจะไม่ใช่นักลงทุนทองคำโดยตรง เนื่องจากเมื่อคิดจากต้นทุนแล้วพบว่าจะมีต้นทุนราว 4% ในการลงทุนทองคำ แต่มองเห็นเหตุผลบางอย่างที่จะถือครองทองคำ ราคาทองคำอาจจะเคลื่อนไหว อย่างง่ายดายไปอยู่ที่ระดับ 5,000 หรือ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าหากยังคงถูกห้อมล้อมด้วยปัจจัยในสถานการณ์ปัจจุบันต่อเนื่อง นี่เป็นสถานการณ์หนึ่งในไม่กี่ครั้งของชีวิตผมที่ถือว่าการมีทองคำอยู่ในพอร์ตเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2025 ผ่านมา ธนาคารเจพี มอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ได้คาดการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวขึ้นแตะที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2026 นี้ ในขณะที่ธนาคารดังกล่าวคาดการณ์ว่าราคาทองคำเฉลี่ยในไตรมาสที่สี่ของปี 2025 นี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,675 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สาเหตุจากความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของโลก จะเกิดภาวะถดถอย ท่ามกลางสถานการณ์สงครามภาษี ซึ่งมีแนวโน้มว่าอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความขัดแย้งในด้านการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาและจีนจะมีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ความต้องการในการซื้อทองคำเพื่อเก็บสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเป็นแนวโน้มที่เติบโตต่อ โดยจะมีความต้องการซื้อทองคำเฉลี่ยไตรมาสละ 710 ตัน ภายในปี 2025 นี้
สำหรับในกรณีที่ราคาทองคำตลาดโลกจะถูกเทขายอย่างรุนแรงและนำไปสู่การปรับฐานของราคาถังใหญ่นั้น จะขึ้นอยู่กับปัจจัยลบที่เกี่ยวกับความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกลดลง ซึ่งมองว่าปัจจัยนี้จะเป็นปัจจัยลบที่รุนแรงต่อการลงทุนในตลาดทองคำโลก นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีความยืดหยุ่นมากน้อยแค่ไหนที่จะรับมือกับภาวะสงครามภาษีและสงครามการค้าที่เกิดขึ้น