ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ยังยืนยันราคาคาดการณ์ทองคำสิ้นปี 69 ลุ้น 4,900 ดอลลาร์ เปิดปัจจัยบวกดันราคาทองคำระยะยาว

ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ยังยืนยันราคาคาดการณ์ทองคำสิ้นปี 69 ลุ้น 4,900 ดอลลาร์ เปิดปัจจัยบวกดันราคาทองคำระยะยาว

ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ยักษ์ใหญ่ธนาคารพาณิชย์ชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ยังคงยืนยันมุมมองและการคาดการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกที่จะขึ้นไปแตะที่ระดับ 4,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงสิ้นปี 2026 นี้ สำหรับปัจจัยบวกที่จะผลักดันราคาทองคำตามตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากความต้องการลงทุนในทองคำ ของนักลงทุนเพื่อต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ของสินทรัพย์ต่างๆ นอกจากนี้พฤติกรรมการลงทุนในทองคำที่มีความต่อเนื่องในระยะยาวส่งผลต่อการเพิ่มโอกาส ที่ราคาทองคำในตลาดโลกอาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้

การยืนยันมุมมองและราคาคาดการณ์ทองคำโลกของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ มีขึ้นหลังจากในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 21 ถึง 22 ตุลาคม 2025 ตามเวลาในโลกตะวันตก พบว่าราคาทองคำในตลาดโลกถูกกระหน่ำเทขายอย่างรุนแรง ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกดำดิ่งลงเหวลึกใน 2 วันติดกันมากกว่า-8% หรือราคาทองคำทรุดลงอย่างมากรวมกันกว่า 330 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำให้กลายเป็นราคาทองคำตลาดโลกที่ดำดิ่งลงเหวติดกัน 2 วันมากที่สุดในรอบ 12 ปีผ่านมาหรือนับตั้งแต่ปี 2013 ที่สำคัญ ทำให้มูลค่าตลาดทองคำทั่วโลกเสียหายไปกว่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 82 ล้านล้านบาทภายใน 48 ชั่วโมง

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ได้คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2026 ราคาทองคำโลกจะแตะระดับ 4,900 จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 4,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นอีก 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +14% จากตัวเลขคาดการณ์เดิม สาเหตุจากสถาบันการเงิน และธุรกิจในเอกชนมีความต้องการลงทุนในหน่วยลงทุนทองคำ หรือโกลด์อีทีเอฟ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งพบว่าความต้องการดังกล่าวเพิ่มสูงมากกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์จากธนาคารดังกล่าวเปิดเผยว่า ความต้องการในการลงทุนโกลด์อีทีเอฟจะเพิ่มสูงขึ้นมาก เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 1% ในช่วงกลางปี 2026

นอกจากนี้ ความต้องการซื้อทองคำแท่งของธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีต่อเนื่องคาดการณ์ว่าในปี 2025 ธนาคารกลางทั่วโลกจะซื้อทองคำแท่งสะสมรวมเป็นปริมาณเฉลี่ย 80 ตัน และในปี 2026 ตัวเลขดังกล่าวจะเฉลี่ยอยู่ที่ 70 ตัน ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ทั่วโลกจะยังคงเป็นผู้นำในการซื้อทองคำแท่งอย่างต่อเนื่อง

ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2025 ผ่านมา ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ภายในกลางปี 2026 ราคาทองคำในตลาดโลกจะขึ้นถึงระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ บนเงื่อนไขที่ว่านักลงทุนประเภทสถาบันการเงินเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดทองคำมากขึ้น ซึ่งราคาสูงสุดอาจเคลื่อนไหวสูงขึ้นถึงระดับ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สำหรับการลงทุนในทองคำนั้นยังคงเป็นคำแนะนำการลงทุนในระยะยาวที่ดีที่สุด

ในขณะที่ภายในสิ้นปี 2025 นี้ ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าราคาทองคำตลาดโลกจะอยู่ที่ระดับ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มุมมองระดับราคาดังกล่าวยังไม่ได้ใส่ปัจจัยเกี่ยวกับนักลงทุนประเภทสถาบันการเงินมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำแต่อย่างใด

สำหรับปัจจัยบวกที่จะผลักดันให้ราคาทองคำในตลาดโลกเป็นไปตามที่คาดการณ์นั้น ได้แก่ ความต้องการซื้อทองคำแท่งของธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การเมืองสหรัฐแทรกแซงและครอบงำความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ การเพิ่มสูงขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภาวะตลาดหุ้นที่มีการปรับฐานในอนาคตหลังจากที่ขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่องในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยต่อไปว่า หากปัจจัยบวก หรือเงื่อนไขตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะถ้า 1% ของเงินลงทุนจาก นักลงทุนประเภทสถาบันการเงินปีการโยกย้ายออกจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเข้าลงทุนในตลาดทองคำ อาจส่งผลต่อราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นไปถึงแตะที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2025 ผ่านมา ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ได้คาดการณ์ในกรณีที่สุดขั้ว ซึ่งความเป็นไปได้ หรือโอกาสจะเกิดขึ้นนั้นอาจมีน้อยมาก ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกอาจเพิ่มสูงขึ้นและทะยานขึ้นไปเกินกว่าระดับ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐภายใน 12 เดือนข้างหน้าจากนี้ไป สาเหตุจากการคาดการณ์หรือความไม่แน่นอนสูงของการใช้ดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐในอนาคตเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่ได้รับแรงกดดันจากนโยบายเศรษฐกิจการค้าที่นำไปสู่สงครามภาษีการค้าทั่วโลก ความต้องซื้อทองคำของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจเพิ่มสูงขึ้นถึงเดือนละ 110 ตันในอนาคต

นอกจากนี้ หากภายในสิ้นปี 2025 นี้ การลงทุนในหน่วยลงทุนทองคำ หรือโกลด์อีทีเอฟอาจเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องจนอาจมีปริมาณสูงเหมือนในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles