ดร.พรเพ็ญ สดศรีชัย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยบทความโอกาสของธุรกิจเอสเอ็มอีไทย (SMEs) มีดังนี้ ปัจจุบัน SMEs มีจำนวนประมาณ 3.2 ล้านราย ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศราว 35% ของ GDP แต่มีคนตัวเล็ก SMEs ราว 40% ยังคงประสบปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน (สง.) จากหลายปัจจัย เช่น การไม่มีสินทรัพย์ที่สามารถใช้เป็นหลักประกันได้ การมีรายได้ที่ไม่แน่นอน และประวัติข้อมูลทางการเงินที่ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบและบางส่วนจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบแทน ซึ่งมีต้นทุนทางการเงินที่สูง
แบงก์ชาติตระหนักถึงความสำคัญของคนตัวเล็ก จึงได้ออกแบบนโยบายเพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงสินเชื่ออย่างยั่งยืน หนึ่งในนั้น คือ โครงการ “Your Data ข้อมูลของคุณ สู่บริการทางการเงินที่ตอบโจทย์” เปิดตัวไปเมื่อ ต.ค.2567 มีหลักการว่า “ข้อมูลของเรา เรามีสิทธิใช้ข้อมูลของเราได้” โดยมีกลไกที่ให้ผู้ใช้บริการ ใช้สิทธิส่งข้อมูลได้อย่าง สะดวก และ ปลอดภัย
ประโยชน์จากโครงการ “Your Data” มีทั้งต่อ 1.ผู้ใช้บริการทางการเงิน ที่สามารถขอสินเชื่อได้สะดวกขึ้น โดยส่งข้อมูลของตัวเองจากที่ต่าง ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล ไปสมัครขอสินเชื่อจากผู้ให้บริการหลายรายพร้อมกันได้ ช่วยให้เปรียบเทียบข้อเสนอได้สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อด้วยต้นทุนเหมาะสม โดยเฉพาะผู้ใช้บริการคนตัวเล็กที่มีประวัติทางการเงินในการขอสินเชื่อไม่มากพอ สามารถใช้ข้อมูลอื่นๆ ประกอบการขอสินเชื่อได้ค่ะ
รวมทั้งยังมีประโยชน์ให้ผู้ใช้บริการทางการเงินสามารถวางแผนและบริหารจัดการทางการเงินได้ดีขึ้น โดยสามารถรวมข้อมูลบัญชีทางการเงินไว้ที่เดียว เพื่อต่อยอดไปยังบริการอื่น และ 2. ผู้ให้บริการทางการเงิน โครงการ “Your Data” ช่วยลดต้นทุนการตรวจสอบความถูกต้องและประมวลผลข้อมูล จากการรับข้อมูลของผู้ใช้บริการทางดิจิทัล รวมทั้งผู้ให้บริการสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนานวัตกรรมและต่อยอดบริการ สร้างโอกาสทางธุรกิจได้
นอกจากโครงการ “Your Data” แล้ว แบงก์ชาติยังได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง พัฒนาหลักการของแนวคิดจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency หรือ NaCGA)
โดย ครม. มีมติเห็นชอบ เมื่อ 13 ส.ค.2567 เพื่อยกระดับกลไกการค้ำประกันเครดิตของไทยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น มีความยั่งยืนทางการคลัง และสามารถส่งเสริมให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายได้ด้วยต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง (Risk-based Pricing) มากยิ่งขึ้น
ล่าสุด เมื่อ 19 ส.ค.2568 ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. …. เพื่อก่อตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (NaCGA) ให้เป็นกลไกสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs โดยจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างต่อไป
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนนำส่งข้อมูลต่างๆ ให้ NaCGA เพื่อจัดทำแบบจำลองเครดิต ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่รวบรวมข้อมูลของภาคธุรกิจในประเทศ
แหล่งทุนของ NaCGA ประกอบด้วย (1) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล (2) ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจากผู้ประกอบการ (3) เงินสมทบจาก สง. คิดเป็นสัดส่วนตามเงื่อนไข ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพางบประมาณภาครัฐเพียงอย่างเดียว
NaCGA มีฐานะหน่วยงานของรัฐ จะทำหน้าที่ในการ “ประเมินความเสี่ยงและค้ำประกันเครดิต” ให้ประชาชนที่ขอสินเชื่อกับ ธพ. สง. เฉพาะกิจ (SFIs) และ Non-Bank
โดยผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อ ติดต่อ NaCGA ก่อน และ NaCGA จะเป็นผู้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตรายบุคคลและค้ำประกันตามระดับความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) เฉพาะราย โดยใช้ฐานข้อมูลและแบบจำลองความเสี่ยงด้านเครดิตที่ NaCGA จัดทำขึ้น
จากนั้น NaCGA จะออก “ใบค้ำประกันเครดิต” แก่ผู้ขอกู้ เพื่อนำไปยื่นขอสินเชื่อ ซึ่ง สง.จะพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ โดยมี NaCGA เป็นผู้รับประกันความเสี่ยงด้านเครดิตแทนบางส่วนหรือทั้งหมดตามเงื่อนไข
NaCGA จะช่วยแก้ไขข้อจำกัดที่กลไกการค้ำประกันปัจจุบันประสบอยู่ โดยกลไกค้ำประกันที่มีอยู่ 1) ไม่มีการคำนวณค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อตามระดับความเสี่ยง (Risk-based Pricing) และ 2) ขาดฐานข้อมูลในการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านเครดิตและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้รูปแบบปัจจุบันเป็นการค้ำประกันสินเชื่อแบบรวมกลุ่ม (Portfolio Guarantee Scheme: PGS) เป็นหลัก
และยังมีการคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันในอัตราเดียวกันทั้งกลุ่ม จึงทำให้ต้นทุนการค้ำประกันสินเชื่อของลูกหนี้บางกลุ่มอาจสูงกว่าความเสี่ยงที่แท้จริง นอกจากนี้ กลไกปัจจุบันยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านสภาพคล่องของผู้ประกอบการที่หลากหลาย เพราะค้ำประกันได้เฉพาะสินเชื่อจาก สง. เท่านั้น จึงยังไม่ครอบคลุมการกู้ยืมจากแหล่งอื่น เช่น สินเชื่อจาก Non-bank
ในภาพรวมทั้งโครงการ “Your Data” และ NaCGA มีส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มโอกาส และลดข้อจำกัดการเข้าถึงสินเชื่อของคนตัวเล็ก ที่มีรายได้ไม่แน่นอน หรือผู้ขอกู้รายใหม่ที่ไม่มีประวัติทางการเงิน
โดย NaCGA สามารถใช้ข้อมูลที่จะได้รับจาก “Your Data” ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ มาช่วยประเมินความเสี่ยงรายบุคคล ได้แม่นยำขึ้น ก่อนการออกใบค้ำประกันเครดิต โดยคิดค่าธรรมเนียมที่สะท้อนระดับความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อเป็นรายบุคคล
ทำให้ช่วยลดต้นทุนทางการเงินในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ขอกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมทั้งยังเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินที่หลากหลายขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะ ธพ.