ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รายงานว่า เปิดการซื้อขายตลาดหุ้นในวันนี้ 3 พฤศจิกายน 2025 ราคาหุ้นของบริษัทบีวายดี(BYD) ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีใหญ่ที่สุดในโลกจากจีนมีราคาดำดิ่งลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 98.70 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือหุ้นละ 412.60 บาท ทำสถิติราคาหุ้นบีวายดีต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่สำคัญ ยังเป็นราคาหุ้นบีวายดีแล้วดำดิ่งลงมากถึง 36% จากราคาจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2025 ผ่านมา
สาเหตุจาก นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในผลประกอบการของบีวายดีที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป โดยพบว่า ในเดือนตุลาคมที่พึ่งผ่านไป บีวายดีมียอดขายรวม 441,706 คัน ร่วงลง -12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บีวายดีสูญเสียอันดับผู้นำตลาดรถยนต์อันดับ 1 ในจีนให้กับแบรนด์เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ป SAIC Motor Corp. ซึ่งมียอดจัดส่ง 453,978 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ผ่านมา
ถึงแม้ว่าเดือนตุลาคมจะเป็นเดือนที่บีวายดีมียอดขายสูงสุดในปีนี้ แต่มีความจำเป็นต้องทำยอดขายให้สูงกว่านี้ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม เพื่อเป็นไปตามเป้าหมายยอดขายประจำปี 2025 ที่นักวิเคราะห์ของธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ Morgan Stanley คาดไว้ว่าบีวายดีจะมียอดขายรวม 4.6 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม จจจากเดือนมกราคม–ตุลาคม 2025 บีวายดีมียอดขายสะสม 3.7 ล้านคัน ส่งผลให้บีวายดีต้องทำยอดขายเฉลี่ย 450,000 คันต่อเดือนในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2025 ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง รายงานว่า เปิดการซื้อขายตลาดหุ้นในวันนี้ 31 ตุลาคม 2025 ราคาหุ้นของบริษัทบีวายดีปรับลดลงมากถึง 6.4% รับการประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของบีวายดีที่ออกมาชะลอตัวลงทั้งในแง่ยอดขายภาพรวม ยอดขายสุทธิ กำไรภาพรวม และยอดส่งมอบรถในตลาดรถยนต์จีน
บีวายดีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ปรากฏว่า กำไรสุทธิทรุดลงมาเหลือที่ 7,820 ล้านหยวน หรือ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 36,300 ล้านบาท ดำดิ่งลงถึง -32.6% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 3 ในปี 2024 ผ่านไป ไม่เพียงส่งผลเป็นกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ดำดิ่งหนักมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา แต่ยังเป็นผลกำไรสุทธิรายไตรมาสทรุดลงต่อเนื่องถึง 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ด้านรายได้ในภาพรวมของบีวายดีทั้งหมดลดลงมาอยู่ที่ 194,980 ล้านหยวน หรือกว่า 896,908 ล้านบาท หรือลดลง -3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ที่สำคัญคือรายได้ภาพรวมทั้งหมดนั้นไม่ถึงที่คาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 216,000 ล้านหยวน หรือกว่า 993,600 ล้านบาท หรือไม่ถึงที่คาดการณ์ไว้ 96,992 ล้านบาท
ขณะที่ ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ของบีวายดีในไตรมาสที่สามปรากฏว่าร่วงลง -2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายทั้งหมดในไตรมาสดังกล่าวที่ 1.10 ล้านคัน ส่งผลทำสถิติยอดขายรถของบีวายดีที่ตกต่ำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปีที่ผ่านมาหรือนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ในปี 2020 สอนรับกับยอดขายของรถบีวายดีในเดือนกันยายนพบว่าร่วงลง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ทำสถิติยอดขายของรถบีวายดีรายเดือนที่สุดต่ำลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 8 เดือน หรือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2024
นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีน เปิดเผยว่าภาวะดังกล่าวสะท้อนถึงบีวายดีต้องใช้กลยุทธ์การลดราคาเพื่อต่อสู้สงครามลดราคาที่มาจากคู่แข่งมาเป็นเวลานาน แต่นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน เปิดเผยว่า ยอดขายที่ลดลงเป็นผลมาจากบีวายดีพยายามเร่งระบายสต๊อกตกค้างของรถรุ่นเดิมก่อนที่จะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่เป็นโมเดล 2026
การแข่งขันในตลาดรถยนต์ภายในประเทศจีนมีความรุนแรงตลอดเวลา ซึ่งบีวายดีพยายามที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ภายในประเทศจีน ท่ามกลางการทำสงครามราคาของแต่ละค่ายภายในตลาดรถยนต์ของจีน ตรงกันข้ามกับ 2 ค่ายคู่แข่งอย่าง เช่น จีลี่ ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์ มียอดขายเพิ่มขึ้น +96% และฉงชิ่ง ฉางอัน ออโตโมบิล 84%