นักวิชาการมองนโยบายแจกเงินหมื่นผู้สูงอายุ ไม่กระทบงบประมาณแผ่นดินทั้งก้อน กันเงินเผื่อเหตุฉุกเฉิน คาดเกิดเงินหมุนเวียนช่วงตรุษจีนประมาณ 2- 3 หมื่นล้าน น่าจะพยุงเศรษฐกิจได้

นักวิชาการมองนโยบาย แจกเงินหมื่น ผู้สูงอายุ ไม่กระทบงบประมาณแผ่นดินทั้งก้อน กันเงินเผื่อเหตุฉุกเฉิน คาดเกิดเงินหมุนเวียนช่วงตรุษจีนประมาณ 2- 3 หมื่นล้าน น่าจะพยุงเศรษฐกิจได้

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงประเด็นเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท ให้ผู้สูงอายุ 60 ปี ช่วงวันตรุษจีนว่าตามที่รัฐบาลเตรียมแจกเงินให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 4 ล้านคนนั้น จะเห็นว่ามาตรการที่ออกมานี้ รัฐบาลเริ่มใช้เงินสอดคล้องกับความเห็นที่หลายภาคส่วนแนะนำ คือ ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง โดยไม่ได้ใช้เงิน 3 แสนล้านบาทเต็มจำนวน แต่สงวนการใช้งบประมาณแผ่นดิน และเปิดพื้นที่ของการใช้เงิน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น สงครามทางการค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้นจึงมองว่าเป็นนโยบายที่ดี

พร้อมมองว่าเศรษฐกิจไทยช่วงปลายปีนี้จะถูกกระตุ้นด้วยภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าบรรยากาศเข้าสู่ปีใหม่หรือไตรมาส 4/67 เศรษฐกิจไทยจะดีกว่าไตรมาส 3/67

ทั้งนี้ ก่อนที่ไทยจะเจอปัจจัยภายนอก เช่น ผลกระทบจากปัญหาสงคราม มองว่า รัฐบาลควรทำให้เศรษฐกิจไทยให้แข็งแรงก่อน จึงควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นต่อเนื่อง เช่น มาตรการ Easy e-receipt ซึ่งจะสามารถอัดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจได้อย่างน้อย 30,000 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปีใหม่ได้

ในส่วนของผลของมาตรการแจกเงินสดผู้สูงอายุนั้นต้องดูว่าผู้สูงอายุจะใช้เงินมากน้อยเท่าไร โดยคาดว่าเงินจะหมุนในช่วงแรก หรือช่วงตรุษจีนประมาณ 60% ของวงเงิน อย่างน้อย 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะพยุงเศรษฐกิจได้ ประกอบกับมาตรการแก้หนี้ที่จะออกมา คือการพักชำระดอกเบี้ย 3 ปี และมาตรการช่วยภาคเกษตรนั้น โดยรวมแล้วมาตรการทั้งหมดน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ดี มองว่ารัฐควรทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าโตเกิน 3% ให้ได้ เพื่อสร้างโมเมนตัมให้เศรษฐกิจไทยโดดเด่น เพื่อให้คนไทยลืมตาปากได้ทั่วประเทศ และทำให้ประเทศไทยมีเสน่ห์มากขึ้น เนื่องจากประเทศอื่นๆ เศรษฐกิจโตเกิน 4% หมดแล้ว

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles