เจฟเฟอรี่ (Jeffries) ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่งในต่างประเทศ โดยมีนักวิเคราะห์ของเจฟเฟอรี่ในสายงานอุตสาหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ เปิดเผยข้อมูลจากฝ่ายบริหารของโฟล์คสวาเก้น เอจี หลังจากโฟล์คสวาเก้น เอจี ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และในยุโรป ได้ยกเลิกสัญญาโครงการจ้างงานมั่นคงของพนักงานที่อยู่ในสหภาพแรงงานยานยนต์ ซึ่งทำงานในโรงงานทั้ง 6 แห่งในเยอรมนีก่อนกำหนดที่จะถึงในปี 2029 ไปเมื่อปลายสัปดาห์ผ่านมา ทำให้โฟล์คสวาเก้น เอจี จะเผชิญกับการตัดสินใจในการปิดโรงงานอย่างน้อย 2 แห่งในเยอรมนี และคาดการณ์ว่าจะมีพนักงานโฟล์คสวาเก้น เอจี ตกงานมากกว่า 15,000 คน
การปิดโรงงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปีนี้ ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับตรวจสอบของบริษัทฯ รวมถึงการตัดลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของ โฟล์คสวาเก้น เอจี จะทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ มีค่าใช้จ่ายเปิดขึ้นมูลค่าราว 4,000 ล้านเหรียญยูโร หรือ 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 149,600 ล้านบาท
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เจฟเฟอรี่ ได้ร่วมเดินทางไปกับฝ่ายบริหารระดับสูงของโฟล์คสวาเก้น เอจี ในการเสนอข้อมูล หรือโร๊ดโชว์ในภูมิภาคอเมริกาเหนือเป็นเวลา 3 วัน เปิดเผยต่อไปว่า ฝ่ายบริหารไม่มีแผนสองที่จะลดกำลังการผลิต
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 กันยายนผ่านมา นายโอลิเวอร์ บลูเม ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ และนายอาร์โน แอนท์ลิทส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการการเงิน หรือซีเอฟโอ โฟล์คสวาเก้น เอจี ผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และในยุโรป พร้อมฝ่ายบริหาร ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับพนักงานโรงงานโฟล์คสวาเก้นที่เมืองโวฟล์เบิร์ก จำนวนมากมายถึง 21,000 คน
ซีเอฟโอ กล่าวว่า ความต้องการซื้อรถยนต์ในทวีปยุโรปยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเหมือนช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งจะเห็นได้จากยอดการผลิตและจัดส่งรถยนต์ทั่วภูมิภาคยุโรปทำได้เพียงแค่ 2 ล้านคัน ทำให้ยังห่างจากยอดการจัดส่งรถยนต์ที่ทำสถิติสูงสุดในช่วงที่ภาวะตลาดรถยนต์เป็นไปตามปกติ
ซีเอฟโอ โฟล์คสวาเก้น เอจี กล่าวว่า หากมองเฉพาะยอดขายของรถยนต์แบรนด์โฟล์คสวาเก้น ซึ่งเป็นแบรนด์หลักของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปนั้น มียอดขายที่ห่างจากเป้ามากถึง 500,000 คัน ซึ่งเทียบเท่าได้กับกำลังการผลิตรถยนต์จำนวน 2 โรงงานของโฟล์คสวาเก้นรวมกัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากทั้งภาวะตลาดรถยนต์ในยุโรปไม่ฟื้นตัวอย่างที่คิดรวมถึงการแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์ในเอเชียโดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน โฟล์คสวาเก้น มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมตัดลดค่าใช้จ่ายในเวลาเดียวกันเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตมากกว่าเดิม
ทั้งนี้ โฟล์คสวาเก้น ซึ่งเป็นแบรนด์หลัก จะเป็นแบรนด์แรกในกลุ่มที่จะต้องเข้าสู่โครงการตัดลดค่าใช้จ่ายตามเป้าหมายที่ 10,000 ล้านยูโร หรือ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 385,000 ล้านบาทภายในปี 2026 ขณะที่ราคาหุ้นของโฟล์คสวาเกน เอจี ทรุดต่ำมากต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทฯ หดหายถึงเกือบ 1 ใน 3 หรือเกือบ 33% ใน 5 ปีผ่านมาติดต่อกัน