นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮุน มาเนต โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในกลางดึกคืนวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีดังนี้ ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ชายแดนกัมพูชากับไทย ระหว่างการสนทนา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายืนยันถึงเจตนารมณ์ที่ไม่ต้องการเห็นสงครามหรือการสู้รบที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจึงพยายามอย่างต่อเนื่องในการประสานงาน และประสบความสำเร็จในการยุติความขัดแย้งในหลายประเทศทั่วโลก
สำหรับการสู้รบระหว่างกองทัพกัมพูชาและกองทัพไทย ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการเห็นการหยุดยิงทันที และสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศ
ในการตอบสนองของกัมพูชา ผมยืนยันอย่างชัดเจนต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า กัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอให้มีการหยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไขระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย ที่จริงแล้ว ผมเคยยืนยันจุดยืนนี้กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นับเป็นข่าวดีที่ผมได้รับจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า หลังจากที่ได้หารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ฝ่ายไทยก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการหยุดยิงทันทีเช่นกัน นี่เป็นข่าวดีสำหรับกองทัพ และประชาชนของทั้งสองประเทศ ผมหวังว่าฝ่ายไทยจะไม่เปลี่ยนจุดยืนนี้อีกครั้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ภายใต้การประสานงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนนายอันวาร์ อิบราฮิม
ผมมอบหมายให้นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ดำเนินการต่อในเรื่องนี้ โดยจะมีการหารือกับนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัเพื่อฐอเมริกา เพื่อประสานงานกับฝ่ายไทย เพื่อให้สามารถดำเนินการตามหลักการที่ตกลงกันไว้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยยุติการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารและประชาชนทั้งสองฝ่าย
ผมขอขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ริเริ่มและประสานงานเพื่อแสวงหาการหยุดยิงทันทีและสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทยในขณะนี้ ผลลัพธ์ที่ดีนี้จะช่วยปกป้องชีวิตของทหารและประชาชนทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทยจำนวนมากที่อาจสูญเสียจากความขัดแย้งหรือได้รับบาดเจ็บ และช่วยให้ผู้ลี้ภัยหลายแสนคนสามารถกลับไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านของตน เพื่อดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความสงบสุข และสันติภาพต่อไป
