นายกฯ วางเป้าหมายปีงบฯ 2569 ไม่เพิ่มงบประจำ ไม่เพิ่มอัตรากำลัง ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ อาจเพิ่มงบฯลงทุน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานราชการจากทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาคเข้าร่วมงานกว่า 500 คน โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้มาพูดคุยกันถึง อยากให้ทุกคนลองมารับฟังและลองพูดคุยกันดูว่าประเทศเราอยู่ในสถานการณ์อย่างไรบ้าง เราอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกันและอยู่ในเรื่องเดียวกัน ในการตั้งงบประมาณจะได้เป็นไปในทิศทางเดียวกันบนพื้นฐานความเข้าใจเดียวกัน

วันนี้เราก็ทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศเราเจอเรื่องท้าทายมากมายและมีความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติที่รัฐบาลอยากจะแก้ไข ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากและการวางแผนงบประมาณในปี 2569 ค่อนข้างที่จะมีอยู่จำกัดเราก็ต้อง เราจะทำอย่างไรได้บ้าง ที่จะจัดทำงบประมาณปี 2569 ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดด้วยงบฯที่มีอยู่จำกัดของเรา

ทั้งนี้ ตนขอมอบนโยบายในการจัดทำงบประมาณ 2569 โดยตั้งเป้าหมายว่า “การเติบโตทางประสิทธิผล” ที่เราจะต้องใช้งบอย่างแม่นยำมากขึ้นและเป็นงบที่ตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
1. ไม่ลดสัดส่วนงบลงทุนและงบฯอุดหนุน เพื่อสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยอาจมีการเพิ่มสัดส่วนงบลงทุนเพิ่มขึ้นได้ เมื่อมีการปรับลดงบประจำลง
2. ไม่เพิ่มงบดำเนินงานเน้นเพิ่มประสิทธิผล และไม่เพิ่มงบประมาณ
และ 3. ไม่เพิ่มอัตรากำลังเน้นพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพและดูแลด้านสวัสดิการให้ทั่วถึงและเท่าเทียม โดยรัฐบาลเน้นคุณภาพของคนอย่างทั่วถึง ถือเป็นปัญหาความท้าทายทั้งในและต่างประเทศ

นายกฯ กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพพูมิอากาศ ทำให้เราต้องรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น และจะทำอย่างไรให้ความทุกข์ของประชาชนบรรเทาลงซึ่งศักยภาพของคนไทยมีอยู่ แต่ว่าหลายปีที่ผ่านมาเราไม่สามารถเติบโตได้เท่าศักยภาพที่เรามีรายได้ที่เราได้ ไม่สามารถทันต่อรายจ่ายที่มีอยู่ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน หรือหนี้ต่างๆ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหา ทั้งโครงการคุณสู้เราช่วย รวมทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท น่าจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ก้าวสู่ยุคโลกเอไอเต็มตัว

สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวตัวเลขปีที่ผ่านมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ล่าสุด รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1-12 ม.ค. 68 มี 1.3 ล้านคน สร้างเม็ดเงินกว่า 6,000 ล้านบาท

ในเดือนนี้ตนจะเดินไปร่วมการประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สหพันธรัฐสวิส เหตุที่ต้องประชุมในเดือน ม.ค. เพื่อที่ผู้นำประเทศต่างๆจะได้พูดถึงทิศทางของโลกในปีนี้ว่ามองกันอย่างไร โดยตนจะไปเน้นย้ำว่าประเทศไทยมีศักยภาพ มีความพร้อมรองรับการลงทุน เชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพที่จะแข่งขันได้กับทั่วโลก ไปยืนแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลผลักดัน

“ในการจัดสรรงบประมาณปี 2569 ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาตามการปรับขึ้นเท่าที่จำเป็น และแน่นอนว่าพยายามที่จะไม่สร้างรายจ่ายประจำให้เพิ่มขึ้น เพราะรายจ่ายประจำจะเป็นคอร์สที่สะสมทุกปี การที่เราจะมาปรับเปลี่ยนอะไรค่อนข้างต้องใช้เวลา ซึ่งพอมาถึงรอบปีเราก็เจอรายจ่ายประจำอีก ซึ่งทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันว่าเราจะลดรายจ่ายประจำอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องที่ต้องเจาะลึกลงไป ขอให้ทุกคนคิดเรื่องนี้ไว้ในใจ เรื่องของงบประจำ ดิฉันเข้าไปดูตัวเลขตามหน่วยงานต่างๆเยอะมากพอสมควรด้วยข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณ ขอความร่วมมือกัน โดยนโยบายคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์”

ทั้งนี้ ตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายนโยบายให้กระทรวงการคลัง จัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเทียบเคียงกับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย เพื่อให้งบประมาณเพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่างๆ นอกจากนี้ ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และในการจัดทำคำขอรับงบประมาณเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้ความสำคัญกับโครงการลงทุนของภาครัฐ รวมถึงให้หน่วยรับงบประมาณที่มีเงินรายได้หรือเงินสะสมนำเงินดังกล่าวมาใช้ดำเนินโครงการภารกิจในความรับผิดชอบเป็นลำดับแรก

รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินอื่นเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินโครงการตามความเหมาะสม เช่น เงินกู้ และการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐ (PPP) เพื่อลดภาระงบประมาณของประเทศและ ให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงให้พิจารณาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจูงใจภาคเอกชนและนักลงทุนจากชาติ หวังว่าข้าราชการทุกคนจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงให้เกิดงบประมาณที่มีประโยชน์ที่สุด และทำให้กับประชาชนได้เชื่อว่า ข้าราชการ 2 ล้านคน จะดูแลประชาชนทั้งประเทศได้อย่างปลอดภัย แน่นอนว่าเรามีหน้าที่ที่จะดูแลประชาชนและสร้างความหวัง สร้างโอกาสให้กับประชาชน

วันนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนปีหน้านี้อาจจะต้องทำงานกันมากหน่อย แต่เชื่อว่าด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เราจะสามารถผลักดันสิ่งต่างๆให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรารักและประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles