นายกฯ ย้ำดันภาคการท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเท่าปี 62 ก่อนวิกฤตโควิด เร่งฟื้นความเชื่อมั่นจากแผ่นดินไหว

นายกฯ ย้ำดันภาคการ ท่องเที่ยว ดึง นักท่องเที่ยว ต่างชาติกลับมาเท่าปี 62 ก่อนวิกฤตโควิด เร่งฟื้นความเชื่อมั่นจากแผ่นดินไหว

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย เพื่อประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย โดยย้ำต่อที่ประชุมถึงนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับการท่องเที่ยวในมิติอื่น ๆ มากขึ้น และตั้งเป้าหมายให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เมื่อปี 62

โดยเน้นย้ำให้ทุกคนต้องช่วยกันคิดหาแนวทางที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา ทั้งเรื่องจำนวน ระยะเวลาที่นานขึ้น และมีการใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้นกว่าเดิม เช่น การนำเสนอโปรแกรมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

ส่วนกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวนั้น ต้องช่วยกันชี้แจงให้เข้าใจว่า ในพื้นที่อื่น ๆ ไม่ได้เกิดผลกระทบรุนแรง ขณะที่ความสนใจของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกัน อย่างในบางประเทศที่ไม่ค่อยมีฝนตก ก็อยากมาเที่ยวในช่วงหน้าฝน แต่เราต้องมีความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การจัดเตรียมบริการที่ตอบสนองนักท่องเที่ยว และเมื่อเจาะลึกลงไปในจำนวนนักท่องเที่ยวยังพบว่ามีการใช้จ่ายต่อหัวต่ำอยู่

ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 ส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติยกเลิกยอดจองที่พักพอสมควร โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยเดินทางเข้าไทย ซึ่งมีความตื่นตระหนกอยู่ แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ดังนั้นประเด็นเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจึงยังไม่น่าเป็นห่วง

สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และขอเชิญชวนประชาชนเป็นเจ้าภาพที่ดี ช่วยกันเผยแพร่เอกลักษณ์ที่ดี และสวยงามของประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้าประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ราว 4-5 พันล้านบาท

ขณะที่ความคืบหน้าการต่อสัญญา MOTO GP นายสรวงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังดูแลอยู่ แต่ตนอยากให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพราะภาครัฐให้การสนับสนุนมา 7 ปีแล้ว จึงอยากให้ใช้งบประมาณเพื่อการนี้น้อยลง แต่คิดว่ายังเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ ส่วนเรื่อง F1 นั้น ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการศึกษา

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles