นายกฯ สิงค์โปร์ลั่นกับสายการบินทั่วโลก กลางปี 68 เริ่มสร้างเมกะเทอร์มินัลอาคาร 5 สนามบินชางงี รับผู้โดยสารเป็นกว่า 140 ล้านคน

นายกฯ สิงค์โปร์ ลั่นกับสายการบินทั่วโลก กลางปี 68 เริ่มสร้าง เมกะเทอร์มินัล อาคาร 5 สนามบินชางงี รับผู้โดยสารเป็นกว่า 140 ล้านคน

นายกรัฐมนตรี สิงคโปร์ นายลอว์เรนซ์ หว่อง เข้าร่วมในงานจัดเลี้ยงเย็นของวันครบรอบ 40 ปีสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติ สิงคโปร์ หรือ CAAS ท่ามกลางทุกหน่วยงานกำกับดูแลด้านอุตสาหกรรมการบิน ผู้บริหารระดับสูงของสายการบินต่างประเทศ รวมถึงภาคธุรกิจเดินทางและท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ โดยกล่าวว่า ประเทศสิงคโปร์จะต้องทำให้ขีดความ สามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมการบิน ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นและรุนแรง

รัฐบาลชุดปัจจุบันของประเทศสิงคโปร์ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายลอว์เรนซ์ หว่อง ประกาศว่า เริ่มตั้งแต่กลางปี 2025 จะเริ่มก่อสร้างโครงการเมกะเทอร์มินอล 5 (T5) หรืออาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่อาคารที่ 5 ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสนามบินนานาชาติชางงี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์และสามารถเปิดใช้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางปี 2035 ส่งผลให้สนามบินนานาชาติชางงี เพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารขึ้นอีกถึงปีละกว่า 50 ล้านคนจากปัจจุบันที่ให้ให้บริการรองรับผู้โดยสารได้ถึงปีละกว่า 90 ล้านคน ดังนั้น เมื่อถึงภายในปี 2035 สนามบินนานาชาติชางงี จะสามารถรองรับให้บริการนักเดินทางและนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้มากกว่า 140 ล้านคน ที่สำคัญจะทำให้สนามบินนานาชาติสามารถให้บริการเส้นทางเชื่อมต่อจากในปัจจุบันมากกว่า 150 เมืองทั่วโลกเพิ่มเป็นกว่า 200 เมืองทั่วโลก

นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรี สิงคโปร์ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้บางประเทศได้ประกาศที่จะลงทุนขยายการก่อสร้างสนามบินสนามบินนานาชาติเพื่อที่จะสามารถรองรับผู้โดยสารตลอดจนนักเดินทางให้ได้ถึงปีละกว่า 100 ล้านคน จึงเปรียบเสมือนกับการลดช่องว่างให้เหลือน้อยลงมาใกล้เคียงกับศักยภาพของทั้งอุตสาหกรรมการบินและสนามบินนานาชาติชางงี

สำหรับโครงสร้าง และการออกแบบที่มีความพิเศษสำหรับเมกะเทอร์มินัล 5 นั้นทำให้อาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่ดังกล่าว ไม่เพียงเป็นอาคารผู้โดยสารนานาชาติระดับศูนย์กลางของภูมิภาค แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นอาคารสนามบินที่สามารถรองรับศูนย์กลางการบินในระดับภูมิภาคได้ด้วย ขณะเดียวกัน พื้นที่ภายในเมกะเทอร์มินอล 5 แห่งนี้ ยังสามารถที่จะปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในให้กลายเป็นสถานที่ ที่สามารถรองรับการให้บริการด้านสาธารณสุขฉุกเฉินระดับภูมิภาคและระดับโลก เช่น เปลี่ยนเป็นพื้นที่กักตัวผู้ต้องสงสัย หรือผู้ติดเชื้อที่ต้องเฝ้าระวังหากในอนาคตเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดรุนแรง ซึ่งมีลักษณะลักษณะคล้ายคลึงกับสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 ในอนาคต สำหรับพื้นที่โดยรวมของอาคารผู้โดยสารขนาดเมกะเทอร์มินอล 5 แห่งนี้ จะมีขนาดเท่ากับอาคารผู้โดยสารอาคาร 1 (T1) และอาคารผู้โดยสารอาคาร 3 (T3) ของสนามบินนานาชาติชางงีรวมเข้าด้วยกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles