ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.77 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.6% ทำให้เป็นราคาปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน ส่งผลราคาปิดลง 4 วันติดกันรวม -5.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -7.2%
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 78.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.4% ทำให้เป็นราคาปิดหลุดระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ผ่านมา ส่งผลราคาปิดลง 3 วันติดกันรวม -5.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.5%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ร่วงมากถึง -1% และ -0.6% ตามลำดับ ในเดือนพฤษภาคม ราคาน้ำมันดิบโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดดิ่งลง -6% และ -7.1% ตามลำดับ ทำสถิติราคาปิดร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2023 ที่สำคัญ ยังเป็นราคาน้ำมันดิบรายเดือนที่แย่ที่สุดในปีนี้ด้วย
สาเหตุจากการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะมีขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน มีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องไปถึงปี 2025 แต่ให้สิทธิ 8 ประเทศสมาชิกที่ลดกำลังผลิตโดยสมัครใจ สามารถทยอยผ่อนคลายลดการผลิตน้ำมันดิบมีผลตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ธนาคารโกลด์แมน แซค เปิดเผยว่ามติดังกล่าวส่งผลลบต่อราคาน้ำมันดิบตลาดโลก เนื่องจากการให้สิทธิทั้ง 8 ชาติสมาชิกทยอยผ่อนคลายลดน้ำมันดิบจะทำให้กลับมาเพิ่มกำลังการผลิตท่ามกลางปริมาณสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มมากขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันในประเทศไทยมีการปรับลดราคาลงครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ผ่านมา โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 30 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่ถูกสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมผ่านมา