ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 73.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น +1%
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 78.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.54 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น +0.5% ย้อนไปในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุจากแม้ว่าตัวเลขจีดีพีจีนปี 66 จะขยายที่ 5.2% สูงกว่าเป้ารัฐบาลจีนเล็กน้อย แต่ตัวเลขภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ดังกล่าวกลับต่ำกว่าที่ตลาดทุนคาดไว้ว่าจะขยายตัวที่ 5.3% ขณะที่เมื่อวันศุกร์ผ่านไป ตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ถูกเทขายอย่างรุนแรง ฉุดดัชนีหุ้นปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี ท่ามกลางกลุ่มโอเปกพลัส และทบวงพลังงานสากล หรือไออีเอ เปิดเผยรายงานคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบปี 2024 นี้ เพิ่มมากขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกาจะชะลอตัวแบบนุ่มนวล นอกจากนี้ สำนักงานจัดการข้อมูลพลังงานสหรัฐอเมริกา หรือไออีเอ เปิดเผยปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐลดต่ำลงมากกว่าที่คาดไว้ถึง 2.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงไม่เห็นสัญญาณในทางบวกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สิ้นสุดปี 2023 พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลงกว่า -10% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดรายปีลดลงในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สำหรับในปี 2022 นั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิด +7% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิด +10%