ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 11 ธันวาคม 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.48% ส่งผลราคาปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +3.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.50% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 73.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.84% ส่งผลราคาปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +2.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.31% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิดลดลง -1.2% และ -2.5% ตามลำดับ
สาเหตุจากประธานคณะกรรมาธิการกลุ่มสหภาพยุโรป นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยนเปิดเผยว่า กลุ่มสหภาพยุโรปมีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจชุดที่ 15 กับประเทศรัสเซีย โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ธุรกรรมการลักลอบขนส่งน้ำมันของรัสเซียไปยังต่างประเทศ หรือกองเรือเงาขนส่งน้ำมันดิบ รัสเซียใช้กองเรือเงาดังกล่าวทำการค้าขายน้ำมันดิบให้ได้ราคาสูงกว่าเพดานราคาน้ำมันดิบที่บาร์เรลละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกลุ่มจี 7 ประกาศใช้มาตรการจำกัดราคาน้ำมันดิบกับรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา เพื่อไม่ให้รัสเซียมีกำไรจากการขายน้ำมันดิบ และกดดันปริมาณน้ำมันดิบของรัสเซียลดน้อยลงในตลาดซื้อขายน้ำมันดิบด้วย
กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน
การปรับลดตัวเลขคาดการณ์ของปี 2024 ซึ่งลดลงมากถึงวันละ 210,000 บาร์เรล ทำสถิติการลดตัวเลขคาดการณ์ที่มากที่สุดใน 5 ครั้งที่ประกาศปรับลดการคาดการณ์ลงมานับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ครั้งแรก
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 10 ธันวาคมนี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 8 วันผ่านมา และเป็นการลดราคาครั้งที่ 2 ต่อเนื่อง ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันถูกสุดในรอบ 21 วัน หรือตั้งแต่ 20 พฤศจิกายนผ่านมา