ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า น้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.59 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.27% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.25% ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาด ร่วงลงมากถึง +3.7% และ +4.0% ตามลำดับ
สาเหตุจากสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางทวีความน่ากังวลต่อเนื่อง การโจมตีของอิสราเอลยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยพุ่งเป้าหมายทำลายไปยังเครือข่ายการเงินของกลุ่มฮิซบอเลาะห์ในประเทศเลบานอน นอกจากนี้ มีรายงานล่าสุดว่ากองทัพอิสราเอลโจมตีอิหร่านโดยตรง
ปัจจัย การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ใกล้เข้ามาถึงในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ พบว่าคะแนนนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นนำนางกมลา แฮร์ริส เป็นผลสำเร็จที่ 48% ต่อ 46% ตามลำดับ
กลุ่มโอเปกพลัสประกาศปรับลดแนวโน้มความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ที่ปรับลดลงในปีนี้ สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจีนนั้น กลุ่มโอเปกพลัสลดตัวเลขคาดการณ์บริโภคน้ำมันดิบของจีนปี 2024 นี้ ลงเหลือ 580,000 บาร์เรลต่อวันจากเดิมที่ 650,000 บาร์เรลต่อวัน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 26 ตุลาคม 2567 โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ +30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาน้ำมันครั้งแรกใน 10 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่แพงสุดในรอบ 10 วันผ่านมา