ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 72.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.3% ส่งผลราคาน้ำมันดิบในแง่เปอร์เซนต์ปิดสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หรือตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 และยังส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -5.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -7.07%
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 78.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.1% ส่งผลหยุดราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 4 วันติดกันรวม -5.07 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.42%
ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สิ้นสุดปี 2023 พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลงกว่า -10% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดรายปีลดลงในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สำหรับในปี 2022 นั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิด +7% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิด +10%
สาเหตุจากการผลิตน้ำมันดิบของประเทศลิเบียสะดุดหยุดลง เนื่องจากพนักงานในแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบระดับใหญ่ของลิเบียก่อหวอดประท้องหยุดงาน ส่งผลกำลังการผลิตน้ำมันดิบลดลงถึงวันละกว่า 300,000 บาร์เรล นอกจากนี้ กองกำลังกบฎกลุ่มฮูติยังคงเฝ้าโจมตีกองเรือขนส่งสินค้าทางทะเลแดง ในขณะที่เรือรบอิหร่านเคลื่อนเข้าสู่บริเวณทะเลแดง สายเดินเรือยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ยังคงหลีกเลี่ยงการเดินเรือส่งสินค้าในเส้นทางเดิมบริเวณทะเลแดง ท่ามกลางการคุ้มกันด้วยกองกำลังความปลอดภัยสหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้นในวันที่สองของการซื้อขายในปีนี้ หลังร่วงลงต่ำในรอบ 5 เดือน เนื่องจากแนวโน้มลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนมีนาคมปี 2024
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกพลัสจะจัดการประชุมร่วมกันกับคณะทำงานร่วมประเมินสถานการณ์พลังงาน หรือ JMMC ในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อประเมินภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกอย่างใกล้ชิดหลัวมีมติเห็นตรงกันให้ขยายเวลามาตราลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่มต่อไป รวมถึงให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก ส่งผลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล มีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ใน 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดการผลิตลงวันละมากกว่า 2-3 ล้านบาร์เรล