ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 3 มกราคม 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 74.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% ส่งผลราคาปิดขึ้น 5 วันรวมกัน +4.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +6.53%
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.9% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ หรือตั้งแต่ 25 ตุลาคม 2024 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังส่งผลราคาปิดขึ้น 5 วันรวมกัน +3.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.95%
ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิด +5% และ +3.3% ตามลำดับ ในปี 2024 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดสุทธิลดลง 3% เมื่อเทียบกับปี 2023 ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ มีราคาปิดสุทธิเสมอตัวกับในปี 2023
สาเหตุจากประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง กล่าวแถลงวันปีใหม่ต่อประชาชนจีนว่า ขอให้คำมั่นว่าจะใช้นโยบายเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนในปี 2025 ส่งผลให้นักลงทุนมองมุมบวกต่อการบริโภคน้ำมันดิบของจีนในปีนี้ นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐ และยุโรป เนื่องจากภาวะอุณหภูมิจะลดต่ำลงอย่างรวดเร็วและยาวนานในฤดูหนาวขณะนี้ ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 3 มกราคมนี้ โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 30 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาน้ำมันครั้งที่ 2 ต่อเนื่อง ส่งผลเป็นราคาน้ำมันขายปลีกต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2024