ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 16 ธันวาคม 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.71 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.8% ส่งผลเป็นราคาปิดหลุดจากสถิติราคาสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หรือตั้งแต่ 7 พฤศจิกายนผ่านมา
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 73.91 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.8% ส่งผลเป็นราคาปิดหลุดจากสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่ 22 พฤศจิกายนผ่านมา ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิดขึ้น +6% และ +5% ตามลำดับ
สาเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาย่ำแย่ เช่น ยอดขายปลีกลดลงมากกว่าที่คาดไว้ สะท้อนถึงมาตรากาคกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ผลตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอติดตามผลการประชุมลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 17-18 นี้
ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล
ขณะที่เมื่อวันพุธผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 17 ธันวาคมนี้ โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 40 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาน้ำมันครั้งที่ 2 ต่อเนื่องในรอบ 5 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่สูงสุดในรอบ 3 เดือน 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่ 23 สิงหาคมผ่านมา