ตลาดซื้อขาย น้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า น้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.77 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.35% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 2 วันติดกัน +2.87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.14% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 74.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.42% ส่งผลหยุดราคาปิดขึ้น 2 วันติดกัน +2.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.08%
ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาด ร่วงลงมากถึง -8% และ -7% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ 2 กันยายนเป็นต้นมา
สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 270,000 บาร์เรล ก่อนหน้านี้ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ความต้องกาใช้น้ำมันในประเทศเฉลี่ยเพิ่มขึ้นวันละ 100,000 บาร์เรล ทำสถิติให้ในสัปดาห์ผ่านไป ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ จีนได้ประกาศจำนวนโควตาการนำเข้าน้ำมันดิบจากทั่วโลกในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 257 ล้านเมตริกตัน หรือราว 5.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากในปีนี้มีโควตาการนำเข้าอยู่ที่ 243 ล้านเมตริกตัน
สถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางทวีความน่ากังวลต่อเนื่อง การโจมตีของอิสราเอลยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยพุ่งเป้าหมายทำลายไปยังเครือข่ายการเงินของกลุ่มฮิซบอเลาะห์ในประเทศเลบานอน นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่กองทัพอิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านโดยตรง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในสัปดาห์ผ่านไปที่ดำดิ่งกว่า -8% ส่งผลให้มีการปรับตัวขึ้นของราคาในทางเทคนิคด้วย
กลุ่มโอเปกพลัสประกาศปรับลดแนวโน้มความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ที่ปรับลดลงในปีนี้ สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะจีนนั้น กลุ่มโอเปกพลัสลดตัวเลขคาดการณ์บริโภคน้ำมันดิบของจีนปี 2024 นี้ ลงเหลือ 580,000 บาร์เรลต่อวันจากเดิมที่ 650,000 บาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 17 ตุลาคม 2567 โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ -0.50 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาน้ำมันครั้งแรกใน 13 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่ถูกสุดในรอบ 10 วันผ่านมา