ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า วันที่ 13 ธันวาคม 2024 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.8% ส่งผลเป็นราคาปิดสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หรือตั้งแต่ 7 พฤศจิกายนผ่านมา
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 74.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.08 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.5% ส่งผลเป็นราคาปิดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หรือตั้งแต่ 22 พฤศจิกายนผ่านมา ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดสำคัญปิดขึ้น +6% และ +5% ตามลำดับ
สาเหตุจากอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ให้การยืนยันต่อสภาความมั่นคงองค์การสหประชาชาติว่า พร้อมที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านทันที เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านได้มาซึ่งอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่จีนเปิดเผยการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนผ่านมา ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออึเอ เปิดเผยการคาดการณ์ว่า ในปี 2025 จะเกิดภาวะตลาดน้ำมันดิบล้นตลาด หรือเกินความต้องการบริโภคที่ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้ากลุ่มโอเปกพลัสมีมติเริ่มทยอยเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมปี 2025 หากกลุ่มโอเปกพลัสยังคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องเมื่อถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ 950,000 บาร์เรล
ขณะที่เมื่อวันพุธผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 และปี 2025 ครั้งใหม่ ซึ่งนับเป็นการปรับลดตัวเลขดังกล่าวเป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง สำหรับในปีนี้ ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.82 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับลดลงจากเดิมที่ระดับ 1.54 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 13 ธันวาคมนี้ โดยขึ้นราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 40 สตางค์/ลิตร นับเป็นการขึ้นราคาน้ำมันครั้งแรกในรอบ 4 วันผ่านมา ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่สูงสุดในรอบ 11 วัน หรือตั้งแต่ 3 ธันวาคมผ่านมา