บล.กสิกรไทยเปิดโผหุ้นไทยรับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จ่อระดมทุน 1500,000 ล้าน

กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยรายละเอียดของวัตถุประสงค์และรายละเอียดหนังสือชี้ชวนอย่างเป็นทางการ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ นโยบายการลงทุน แบ่งการลงทุนออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1.หลักทรัพย์สภาพคล่อง เช่น เงินฝากตราสารหนี้ระยะสั้น 2.หลักทรัพย์เชิงรุก/เชิงรับ อาทิ หลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น หุ้นใน SET100 ที่ SET ESG Rating A หุ้นนอก SET100 ที่ SET ESG RatingAA ขึ้นไปเป็นต้น และ 3.หลักทรัพย์อื่นๆ Non-Investment Grade Bond, Unrated Securities ได้ไม่เกิน 10% ของ NAV สำหรับ Single Entity Limit ของหุ้นรายตัวที่จดทะเบียนในประเทศไทยนั้นถือได้ไม่เกิน 25%ของ NAV และกลุ่มกิจการ (Group Limit) กำหนดให้ไม่เกิน 30% ของ NAV

ด้านอัตราผลตอบแทน พบว่า จะจ่ายรูปแบบเงินปันผลตามจริง ไม่ต่ำกว่า 3% และไม่เกิน 9% ต่อปี ด้านการคุ้มครองเงินลงทุน ผ่านกลไก Waterfall ซึ่งหน่วยลงทุน ข จะรับผลขาดทุนก่อน ในส่วนของระยะเวลาการลงทุน ในเบื้องต้น กำหนด 10 ปี ในกรณีขายก่อนถึงเวลากำหนดไว้ สามารถทำการซื้อขายได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างอิงราคาซื้อขายตามตลาด 

สำหรับระยะเวลาจองนั้น เปิดให้นักลงทุนทั่วไประหว่าง 16-20 ก.ย. 67 สำหรับนักลงทุนสถาบันในประเทศ 25-27 ก.ย.67 วงเงินเสนอขายรวม 1.5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ระยะเวลาการจองอาจมีการปรับเปลี่ยนได้

ด้านบล.กสิกรไทย เปิดเผยการวิเคราะห์หุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายการซื้อขายของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มี พบว่ามีเป้าหมายการระดมทุนระหว่าง 1-1.5 แสนล้านบาท บล.กสิกรไทย วิเคราะห์หุ้นรายตัวในกลุ่มสำคัญที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายของการซื้อด้วยเกณฑ์ดังนี้ 

1) หุ้นที่มี Rating อยู่ในกลุ่ม ESG ในจำนวน 105 ตัว (เนื่องจากปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความสำคัญกับเกณฑ์ดังกล่าว โดยหากอิงจากการแถลงรอบล่าสุดจะเห็นได้ชัดว่าพูดถึงประเด็นดังกล่าวหลายครั้ง)

2) อัตราผลตอบทแทน (Yield) มากกว่า 3% ในปี 2568 และ 2569 (อิงจากเกณฑ์เดิมที่ให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่ง ณ ตอนนั้น Yield อยู่ที่ระดับ 4.8% แต่หากอิงจากภาวะปัจจุบันที่ 2.5-2.6% เราประเมินว่าเป็นไปได้ยากจะสามารถการันตีผลตอบแทนที่ 3% อย่างไรก็ตาม เกณฑ์มีโอกาสจ่ายตามปันผลขั้นสูง)

3) เป็นหุ้นที่ KS มี Rating : Outperform และมี Upside จากราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์

4) SET50 ซึ่งหากใช้เกณฑ์ทั้ง 4 ข้อตามที่กล่าวได้จำนวนหุ้นทั้งสิ้น 17 หุ้นนำโดย BBL, KTB, TTB, OSP, HMPRO, CPN, BCP, PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, ADVANC, INTUCH, WHA, LH, EGCO, RATCH

ขณะเดียวกันยังเปิดกว้างให้มีการลงทุนในหุ้น Small & Mid Cap ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีคะแนน ESG สูง เรามองหุ้น 7 ตัว ได้แก่ AP, BANPU, MAJOR, MEGA, WHAUP, TQM, SIRI

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles