บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้ให้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เดินหน้าโครงการ “Low Carbon Skies by Bangkok Airways” ผลักดันสายการบินสู่ความยั่งยืน พร้อมลดการปล่อยคาร์บอนจากส่วนปฏิบัติการด้านการบิน โดยล่าสุดจับมือกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นำร่องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ในเที่ยวบินของบางกอกแอร์เวย์ส เส้นทาง สมุย–กรุงเทพฯ พร้อมเผยถึงแผนและแนวทางการพัฒนาสนามบินภายใต้การบริหารสู่ความยั่งยืนในอนาคต
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สายการบินบางกอกแอร์เวย์สมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อก้าวสู่เป้าหมาย “สายการบินยั่งยืน” พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้นโยบาย ESG ในทุกมิติ โดยกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมในปีนี้ ได้ริเริ่มโครงการ “Low Carbon Skies by Bangkok Airways” เพื่อมุ่งลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินธุรกิจทั้งระบบ โดยเฉพาะในส่วนปฏิบัติการด้านการบิน (Airlines) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สร้างคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) มากที่สุดสายการบินฯได้กำหนดพันธกิจการดำเนินงานในด้านต่างๆอาทิด้านการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานทางเลือกและเพื่อให้เป้าหมายดังกล่าวมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ล่าสุดสายการบินฯ จึงได้ดำเนินความร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ในเที่ยวบินนำร่องของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนให้มีการใช้เชื้อเพลิงพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ
ทั้งนี้ การดำเนินตามแนวทางดังกล่าวยังสอดรับกับทุกภาคส่วนทั่วโลกที่ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นศูนย์ในปี 2050 (Net Zero Carbon Emission 2050) และตามมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) รวมถึงสมาคมการบินระหว่างประเทศ (IATA)
“เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทการเป็นสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในโลก และสายการบินระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชีย การันตีด้วยรางวัลเกียรติยศจากสกายแทร็กซ์ 7 ปีซ้อน สายการบินฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์เดินทางที่น่าประทับใจให้กับผู้โดยสาร”
นอกจากนี้ บางกอกแอร์เวย์สยังมุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินสีเขียวให้เป็นที่แพร่หลายทั้งในประเทศไทยและภูมิภาค จึงได้พัฒนากระบวนการดำเนินงานด้านการปฏิบัติการบิน ภายใต้ความปลอดภัยสูงสุด เพื่อช่วยลดการปล่อย CO2 มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการใช้น้ำมันอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2023 ที่ผ่านมาสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับ 11,321 ตัน หรือมากกว่า 200 กิโลกรัม/เที่ยวบิน และการเติมน้ำมัน SAF ในเที่ยวบินนำร่องของบางกอกแอร์เวย์สในครั้งนี้สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 โดยประมาณ 1,346 กิโลกรัมต่อเที่ยวบิน
“แคมเปญนี้จะเป็นก้าวสำคัญนำไปสู่ภารกิจ Net Zero Emission สอดรับกับเป้าหมายของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ในปี 2050 รวมถึงเป้าหมายของสมาคมสายการบินเอเชียแปซิฟิก ที่หวังเห็นสมาชิกสายการบินใช้น้ำมัน SAF ในสัดส่วน 1% ในปี 2026 จากที่เครื่องบินแอร์บัส (Airbus) สามารถรองรับการใช้น้ำมัน SAF ได้ถึง 50% ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด“
บางกอกแอร์เวย์สจะนำร่องเริ่มใช้น้ำมัน SAF ที่สัดส่วน 1% ของการใช้น้ำมันทั้งหมดในปี 2024 ซึ่งอยู่ที่ความพร้อมของฝั่งซัพพลายเออร์ด้วย โดยปัจจุบันเฉลี่ยใช้ 10 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นสัดส่วนที่หนักหนามากมาย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ก่อนจะทยอยเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นตามลำดับในอนาคต
ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมัน SAF จะแพงกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับน้ำมันเครื่องบิน Jet A1 แต่ไม่ได้กระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบินมากมายขนาดนั้น ถึงขั้นต้องปรับราคาตั๋วเครื่องบินเพิ่มขึ้นหลัก 500 บาทต่อเที่ยวบิน
“ส่วนเหตุผลที่เลือกนำร่องเส้นทางบินสู่สมุย เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีการใช้น้ำมันมากที่สุดของบางกอกแอร์เวย์ส และยังเป็นเส้นทางสร้างรายได้ครองสัดส่วนมากที่สุดกว่า 50% ของรายได้จากทุกเส้นทาง ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปกว่า 80% ซึ่งมีการตระหนักเรื่องความยั่งยืน“
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า ความร่วมมือของ OR และบางกอกแอร์เวย์สในโครงการ Low Carbon Skies by Bangkok Airways โดยการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ครั้งนี้ มุ่งสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่โลกที่สะอาดและยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมการบิน โดยน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเจ็ท ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว หรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil) โดย SAF สามารถผสมเข้าไปกับน้ำมันเจ็ทเพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ ถือว่าเป็นพลังงานที่ลดการปลดปล่อย Carbon ซึ่งเชื้อเพลิง SAF สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) บริษัทในกลุ่ม ปตท. เป็นผู้จัดหาและนำเข้า นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมาย OR SDG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “G” หรือ “GREEN” หรือการสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาด ที่มุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ
นายนิจพัฒน์ ปิยะพันธ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสนามบิน บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากการยกระดับความยั่งยืนในมิติของ Airlines แล้ว บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายและวางแนวทางการดำเนินงานในการพัฒนาสนามบิน 3 แห่ง (สมุย สุโขทัย ตราด) ภายใต้การบริหาร เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนในอนาคต ผ่านแนวคิด Green Airport โดยมีสนามบินสมุย ซึ่งเป็นสนามบินเเห่งเเรกที่ได้รับการรับรองเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพรินท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เป็นต้นแบบตามแนวทางดังนี้
• ด้านการออกแบบอาคารผู้โดยสาร โดยเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ และอาคารที่โปร่งแสงรับแสงจากธรรมชาติ ลดการเปิดไฟ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยรอบสนามบิน
• ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น การติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ให้บริการผู้โดยสาร การเปลี่ยนสารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศ เป็นสารทำความเย็นที่มีอัตราการเผาไหม้ที่ต่ำ และหลอดไฟภายในสนามบินกว่า 80% เป็นหลอด LED
• การจัดการของเสีย จัดตั้งถังแยกขยะตามประเภท รณรงค์การใช้พลาสติกเป็นศูนย์ และใช้ภาชนะ
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การบำบัดน้ำเสียแบบครบกระบวนการ โดยนำน้ำมารีไซเคิล เพื่อใช้รดน้ำต้นไม้ภายในสนามบิน ซึ่งทำให้การปล่อยน้ำเสียออกสู่ธรรมชาติเป็นศูนย์ และลด CO2 จากการใช้น้ำได้กว่า 39.7 ตันคาร์บอนไดออกไซด์/ปี
• แผนดำเนินงานสู่เป้าหมายการปล่อยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อาทิ แผนปรับปรุงระบบไฟส่องสว่างของลานจอดให้เป็น LED ทั้งหมด การติดตั้ง Solar Cell แผนการปรับใช้รถให้บริการภาคพื้นดินเป็นระบบไฟฟ้า และการพัฒนาสนามบินให้เป็น Green Terminal