บางจากฯ ย้ำกลยุทธ์ “Accelerating Bangchak 100x” ศึกษา e-fuels เชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ญี่ปุ่น มุ่งพัฒนาพลังงานอนาคตพร้อมเสริมแกร่งธุรกิจการตลาด (Non-Oil) 

บางจากฯ ย้ำกลยุทธ์ “Accelerating Bangchak 100x” ศึกษา e-fuels เชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ญี่ปุ่น มุ่งพัฒนาพลังงานอนาคตพร้อมเสริมแกร่งธุรกิจการตลาด (Non-Oil) 

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Accelerating Bangchak 100x: Pivoting toward Energy Security and Sustainability” ที่ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA ขึ้น 100% ภายในปี 2571 ภายใต้ 4 แกนยุทธศาสตร์สำคัญที่ได้ประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ 1) การตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทาย มุ่งผลักดันให้ EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้น 100% ภายในปี 2571 พร้อมเสริมสร้างศักยภาพองค์กรและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน 2) การขับเคลื่อนสู่ความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืน 3) การยกระดับศักยภาพธุรกิจผ่านการปรับโครงสร้าง และ 4) การสร้างคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนระยะ 3 ปี เพื่อเสริมความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการเติบโตระยะยาว

เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเร่งเครื่องกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา คณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก นำโดยนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยเทคนิคกลางที่เมืองโยโกฮาม่า ของ ENEOS Holdings ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เพื่อเสริมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี สร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนบางจากฯ สู่ความมั่นคงทางพลังงาน ความยั่งยืน และการพัฒนาพลังงานแห่งอนาคต โดยมี ดร. ยูอิชิโร ฟูจิยาม่า Chief Technology Officer ของ ENEOS Holdings คณะผู้บริหารและทีมงานร่วมต้อนรับ

ศูนย์วิจัยเทคนิคกลางของ ENEOS ได้จัดตั้งโรงงานสาธิตผลิต e-Fuels หรือเชื้อเพลิงสังเคราะห์มาตั้งแต่ปี 2567 โดยใช้กระบวนการแปรรูปไฮโดรเจนจากการแยกโมเลกุลน้ำ และดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วผ่านกระบวนการผลิตเป็นไฮโดรคาร์บอนสังเคราะห์ ซึ่งสามารถใช้แทนน้ำมันจากฟอสซิลได้ทันที (drop-in fuels) โดยไม่ต้องเปลี่ยนเทคโนโลยีเครื่องยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบนิเวศน์ใด ๆ ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงดั้งเดิมและเป็นคำตอบในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โรงงานสาธิตนี้มีกำลังผลิตเริ่มต้น 1 บาร์เรลต่อวัน และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของรัฐบาลญี่ปุ่น New Energy and Industrial Technology Development Organization (NEDO) ภายใต้กองทุน Green Innovation Fund โดยมีการนำผลงานไปจัดแสดงแล้วที่งาน Osaka Expo 2025

แม้โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และมีแนวโน้มใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แต่ไฮโดรคาร์บอนจะยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเชื้อเพลิงที่อยู่ในกลุ่มโมเลกุลสะอาด (Clean Molecules) ซึ่งมีจุดเด่นด้านความหนาแน่นพลังงานสูง การขนส่งที่สะดวก และง่ายต่อการจัดเก็บ ทำให้ยังตอบโจทย์การใช้งานในหลายภาคส่วนของโลกยุคเปลี่ยนผ่าน โดยแนวโน้มของตลาดโลกก็สะท้อนภาพนี้อย่างชัดเจน ปัจจุบันอุตสาหกรรม e-Fuels มีมูลค่าประมาณ 11,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูลปี 2568) และคาดว่าจะขยายตัวแตะระดับเกือบ 88,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2575 ตามข้อมูลจาก Fortune Business Insights (2024)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันมีรถยนต์กว่า 1,500 ล้านคัน วิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลก การเปลี่ยนทั้งตัวรถ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศน์การผลิตรถ ย่อมสิ้นเปลืองมหาศาล อีกหนึ่งทางเลือกสำคัญของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน คือ e-Fuels เชื้อเพลิงสังเคราะห์จากการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และไฮโดรเจนสะอาด ที่สามารถใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิงปกติได้ทันทีในเครื่องยนต์สันดาป (ICE) โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนใดๆ บนรถยนต์ (drop-in) หรือระบบนิเวศน์ โครงสร้างพื้นฐานและไม่เพิ่มภาระการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นับเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ช่วยเร่งการก้าวสู่อนาคตพลังงานสะอาดหรือ net zero อย่างเป็นรูปธรรม

บางจากฯ ในวันนี้มีศักยภาพผลิตเชื้อเพลิงสะอาดยุคใหม่จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ครอบคลุมการเดินทางและการขนส่งทั้งทางอากาศด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ทางบกด้วย Renewable Diesel (HVO) และทางน้ำด้วย B24 Marine Biofuels เราจึงให้ความสำคัญกับการติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี e-Fuels หรือเชื้อเพลิงสังเคราะห์อย่างใกล้ชิด ในฐานะพลังงานที่เชื่อมโลกปัจจุบันกับโลกพลังงานสะอาด เป็นสะพานสู่การเปลี่ยนผ่านที่จับต้องได้ และตอกย้ำบทบาทผู้นำพลังงานแห่งอนาคตของเรา”

นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เยี่ยมชม ไร่ชาเขียว Matsuda-en (มัตซึดะ เอ็น) จังหวัดชิซุโอกะ แหล่งผลิตมัทฉะคุณภาพสูง ซึ่งอินทนิล แบรนด์เครื่องดื่มภายใต้การบริหารของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด (BCR) บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก ได้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในเมนูมัทฉะหลากหลายชนิด เพื่อส่งมอบรสชาติและคุณภาพต้นตำรับจากญี่ปุ่นให้แก่ลูกค้า ไร่ชาดังกล่าวดำเนินกิจการโดย มิสเตอร์สึโยมิ มัตซึดะ ผู้ผลิตชาญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี เริ่มส่งออกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ปัจจุบันจำหน่ายไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติหลายรายการ รวมถึง รางวัลถ้วยจักรพรรดิ (The Emperor’s Cup) ด้วยการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้ชาเขียวญี่ปุ่นของ Matsuda-en เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 

ในขณะเดียวกัน BCR ยังมุ่งมั่นพัฒนาและส่งเสริมกาแฟไทย ผ่านเมนูพิเศษ “กาแฟพ่อหลวง Single Origin” จากดอยแม่สลอง ซึ่งใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงจากโครงการในพระราชดำริ รวมถึงเครื่องดื่มคุณภาพอื่น ๆ จากวัตถุกดิบที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีที่สุด การผสมผสานระหว่างวัตถุดิบต่างประเทศระดับโลกและผลผลิตคุณภาพสูงของไทย สะท้อนทิศทางการพัฒนาธุรกิจ Non-Oil ของบางจากฯ ที่ให้ความสำคัญกับ คุณภาพ ความหลากหลาย และความยั่งยืน พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่ระดับสากล เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างสมดุลของกลุ่มบริษัทบางจาก

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles