นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนของบริษัทในปี 2567 เตรียมงบลงทุนไว้ 5,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีก ทั้งการเปิดสาขาใหม่ การรีโนเวทสาขาแบ่งเป็น ใช้รีโนเวทสาขาเดิมจำนวน 18 สาขา ด้วยงบประมาณ 1,700 ล้านบาท และเปิดเพิ่ม 1 สาขา ภายในปี 2567 พร้อมขยายสาขาบิ๊กซีมินิ ในทำเลต่างๆ ทั่วประเทศ
สำหรับการรีโนเวทสาขา ต้องการมุ่งตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ที่ไม่ใช่แค่มาเดินซื้อของอย่างเดียว หรือชอปปิ้งเท่านั้น ผู้บริโภคต่างต้องการพื้นที่แฮงเอาต์และพักผ่อน รวมถึงเพื่อเป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งได้ใช้ ดาต้า มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีบิ๊กซีจำนวน 2 สาขา ที่หมดอายุสัญญาเช่าพื้นที่ ซึ่งบิ๊กซีตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเช่า ได้แก่ บิ๊กซี สาขาสุขาภิบาล 3-2 (แยกบ้านม้า) โดยกำหนดเปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 ก.ย. นี้ และบิ๊กซี สาขารังสิต 2 (ใกล้กับตลาดสี่มุมเมือง) กำหนดเปิดให้บริการวันสุดท้าย 30 ก.ย. นี้
ขณะที่ บิ๊กซี สาขาราษฎร์บูรณะ กำหนดเปิดให้บริการวันสุดท้าย 31 ต.ค. นี้ โดยจะย้ายไปยังทำเลใหม่ที่ใกล้เคียง เป็นทำเลทอง “ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา” และเป็นที่ดินฟรีโฮลด์ (Freehold) ของกลุ่ม บีเจซี บิ๊กซี คาดว่าพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568
บิ๊กซียังเดินหน้าตามแผนในปี 2568 เตรียมพร้อมจะเปิดสาขาใหม่รวม 3 สาขา จากในปัจจุบัน บิ๊กซีมีสาขารวม 1,800 สาขา ในไทยและยังขยายไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฮ่องกง กัมพูชา ลาว และเวียดนามอีกด้วย