นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจสอบรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ หรือรถไฟฟ้า สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง พร้อมระบุว่า วันนี้ (17 มิ.ย.) รถไฟฟ้าสายสีเหลืองกลับมาเปิดให้บริการเดินรถตามปกติ ครบทั้ง 23 สถานี แก่ประชาชนผู้ใช้บริการแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ต้องปิดซ่อมบำรุงจากเหตุการณ์ชิ้นส่วนตัวยึดรางร่วงหล่นลงบนถนนศรีนครินทร์ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2567
อย่างไรก็ดี จากการร่วมทดสอบเดินรถในวันนี้ พบว่ามีความปลอดภัย ผู้รับสัมปทานได้ปรับปรุงและควบคุมการเดินรถให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล มาตรฐานกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแล อีกทั้งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม. ได้กำชับให้ผู้รับสัมปทานเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบอุปกรณ์รอยต่อและรางจ่ายไฟที่ติดยึดกับทางวิ่งตามคู่มือซ่อมบำรุงลงจากทุกรอบ 6 เดือน เป็นทุก 2 เดือน และในจุดที่เฝ้าระวังพิเศษ จะมีการตรวจสอบทุก 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ ผูัรับสัมปทานยังดำเนินการติดตั้งกล้อง image processing ร่วมกับ AI ไว้ใต้ขบวนรถไฟฟ้า เพื่อตรวจจับความผิดปกติของชิ้นส่วนในระบบราง หากมีตำแหน่งคลาดเคลื่อนจากเดิม จะมีการแจ้งเตือนไปยังศูนย์ควบคุมการเดินรถ เพื่อประสานผู้เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งได้ดำเนินการซ่อมบำรุงตามคู่มือและแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจสูงสุดในการใช้บริการระบบราง
ด้านนายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ) รักษาการแทน ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า จากเหตุการณ์ชิ้นส่วนตัวยึดรางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองร่วงหล่น ทางผู้รับสัมปทานได้ทำการรื้อถอนรางจ่ายกระแสไฟฟ้าและอุปกรณ์ยึดจับรางฯ ที่เสียหายออกจากระบบ เปลี่ยนแผ่นเชื่อมคานทางวิ่ง (Finger Type Expansion Joint) ที่ชำรุด ณ จุดเกิดเหตุเป็นชุดใหม่ และนำรางจ่ายกระแสไฟฟ้าชุดใหม่ขึ้นติดตั้งแทนของเดิม จากนั้น รฟม. ได้ร่วมกับ ขร. ติดตามการทดสอบระบบต่างๆ และตรวจประเมินความพร้อมของระบบ ก่อนที่ผู้รับสัมปทานจะกลับมาเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายสีเหลือง ตามปกติครบทั้ง 23 สถานี ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ได้เปิดให้บริการระหว่างเวลา 06.00 – 00.00 น. ด้วยความถี่ทุก 10 นาทีต่อขบวน นอกช่วงเวลาเร่งด่วน และความถี่ทุก 5 นาทีต่อขบวน ในช่วงเวลาเร่งด่วน (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 07.00 – 09.00 น. และเวลา 17.00 – 20.00 น.) โดยหลังจากนี้ รฟม.จะติดตามคุณภาพในการให้บริการและความเชื่อมั่นในการใช้บริการของผู้โดยสารต่อไป ทั้งนี้ รฟม. ยังได้กำชับผู้รับสัมปทานปรับปรุงคู่มือซ่อมบำรุงให้ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ และอยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการให้บริการเดินรถแก่ประชาชน