สำนักงานการจราจรและขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรก หรือมกราคมถึงเมษายนปี 2025 นี้ ยอดจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวียี่ห้อบีวายดี(BYD) มีจำนวนสะสม 3,002 คัน หรือคิดเป็น 20% ของจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ขณะที่โตโยต้าเป็นอันดับ 2 มีจำนวน 2,050 คันและอันดับที่ 3 เทสลามีจำนวน 535 คัน ส่งผลให้บีวายดีใช้เวลาเพียง 3 ปีที่เข้ามาทำตลาดในประเทศสิงคโปร์ และสามารถมียอดจดทะเบียนรถขึ้นเป็นอันดับ 1 แทนโตโยต้าเป็นผลสำเร็จ
ที่น่าสนใจคือ บีวายดีเข้าไปเปิดตลาดรถในประเทศสิงคโปร์ช้ากว่าแบรนด์เทสล่าเป็นเวลามากกว่า 1 ปี ในปี 2023 ยอดขายของรถบีวายดีมีจำนวน 1,416 คัน เพิ่มสูงขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2022 ในขณะที่ยอดขายรถอีวีแบรนด์เทล่าเพิ่มขึ้นเพียง 7% ขายได้จำนวน 941 คันในปี 2023
จำนวนรถยนต์จดทะเบียนดังกล่าว ส่งผลให้โตโยต้าเสียแชมป์อันดับ 1 ที่คลองตลาดในประเทศสิงคโปร์มาเป็นระยะเวลาอย่างยาวนานให้กับบีวายดีเป็นครั้งแรก ในปี 2024 ที่ผ่านมา โตโยต้า อยู่ในอันดับที่ 1 มียอดจำนวนทั้งหมด 7,876 คัน ตามมาด้วยบีวายดีมาอันดับ 2 มีจำนวน 6,191 คัน
ก่อนหน้านี้ บีวายดีเปิดเผยว่าจะให้ความสำคัญและเน้นยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในตลาดต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในตลาดต่างประเทศให้มากถึงครึ่งหนึ่งที่ขายภายในประเทศจีนภายในปี 2030 นี้
ทั้งนี้ ราคารถยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศมาขายในประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าจะมีราคาขายแพงอย่างมาก รถอีวียี่ห้อบีวายดีรุ่นแอโต้สามมีราคาขายในประเทศสิงคโปร์ที่คันละ อย่างน้อย 165,888 ดอลลาร์สิงคโปร์หรือกว่า 4,246,735 บาท ขณะที่รถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรลา แอลติส มีราคาขายในประเทศสิงคโปร์ที่อย่างน้อยคันละ 170,888 ดอลลาร์สิงคโปร์หรือกว่า 4,374,735 บาท เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าและการเป็นเจ้าของรถยนต์ในประเทศสิงคโปร์นั้น จะมีกฎเกณฑ์ที่เข้มข้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนรถยนต์จะมีราคาสูงอย่างมาก
