นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดบ้านพักตากอากาศ และการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับราคาสูงบนเกาะสมุยในครึ่งแรกของปี 2568 ปรากฎว่า โครงการบ้านพักตากอากาศอยู่ระหว่างการขายจำนวน 52 แห่ง คิดเป็นจำนวน 597 ยูนิต และมีมูลค่าการลงทุนกว่า 14,800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 63.56% เทียบกับช่วงครึ่งหลังของปี 2024
ในขณะที่ ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 มีโครงการบ้านพักตากอากาศเปิดใหม่ 18 โครงการ คิดเป็น 179 ยูนิต คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมีโครงการบ้านพักตากอากาศใหม่มากกว่า 15 โครงการ คิดเป็นจำนวนกว่า 120 ยูนิต ส่งผลให้จำนวนยูนิตใหม่รวมทั้งปี 2025 จะมีมากกว่า 330 ยูนิต ซึ่งสะท้อนการเติบโตอสังหาริมทรัพย์ก้าวกระโดดบนเกาะสมุย
โครงการบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่อยู่ใกล้หาดสำคัญของเกาะ เช่น แม่น้ำ หาดเฉวง–บ่อผุด และหาดละไม จึงยังคงดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ราคาขายสูงสุดอยู่ที่ 449 ล้านบาทต่อยูนิต
ที่น่าสนใจคือมีบ้านพักตากอากาศที่เสนอขายแบบเช่าระยะยาว หรือ Leasehold บางแห่ง มีการขายทั้งโครงการจำนวน 46 ยูนิตภายใน 2 เดือนหลังเปิดขาย สะท้อนถึงศักยภาพและความร้อนแรงของตลาด ความต้องการจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรป รัสเซีย และจีน ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ทำให้เกาะสมุยเป็นทำเลลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมบนเกาะสมุยอยู่ระหว่างการขาย 876 ยูนิต มูลค่า 3,661 ล้านบาท อยู่หาดเฉวง บ่อผุด หาดละไม ยังมีเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 1 โครงการที่บ่อผุด โดยผู้พัฒนาจีน มีจำนวน 218 ยูนิต ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อโดยมียอดขายกว่า 72.93% ที่สำคัญ มีกำลังซื้อต่างชาติเหมาซื้อบางอาคาร และบางโครงการสามารถขายหมดในเวลา 9 เดือนหลังเปิดตัว
ครึ่งปีหลังจะมีคอนโดเปิดใหม่ 2 โครงการ ส่งผลให้ในปีนี้ มีคอนโดเปิดขายตลอดปีสูงถึง 276 ยูนิต ขณะที่ราคาขายยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงราคา ตร.ม.ละ 60,000–80,000 บาท บางโครงการมีราคาสูงกว่า 200,000 บาทต่อตร.ม. สะท้อนถึงความต้องการและศักยภาพการลงทุนในตลาดที่เติบโต และยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะยุโรป รัสเซีย และจีน ซึ่งกำลังซื้อต่างชาติเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียนบนเกาะสมุย ยังคงคึกคักและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง